ชา: เครื่องดื่มแห่งปัญญาและสุขภาพ

ประโยชน์ของชา

ในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและความเร่งรีบ เรามักลืมไปว่าบางครั้งความสุขและสุขภาพที่ดีอาจซ่อนอยู่ในสิ่งเรียบง่าย เช่น การจิบชาถ้วยโปรด ชาไม่เพียงแต่เป็นเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่น แต่ยังเป็นขุมทรัพย์แห่งสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย ซึ่งช่วยเสริมสร้างสุขภาพกายและใจของเราได้อย่างน่าอัศจรรย์

ปรัชญาแห่งการดื่มชา: มากกว่าแค่เครื่องดื่ม

การดื่มชาไม่ใช่เพียงการรับประทานเครื่องดื่ม แต่เป็นการฝึกฝนจิตใจและการใคร่ครวญชีวิต ในวัฒนธรรมตะวันออก การดื่มชาถือเป็นศิลปะและปรัชญาชีวิต

การอยู่กับปัจจุบันขณะ

ขณะที่เราชงชาและรอให้ชาเย็นลง เราได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของการรอคอยและความอดทน ทุกขั้นตอนของการชงชา ตั้งแต่การต้มน้ำ การเทน้ำลงบนใบชา ไปจนถึงการจิบชา ล้วนเป็นโอกาสให้เราได้ฝึกสติ อยู่กับปัจจุบันขณะ

ความเรียบง่ายและความพอเพียง

ชาสอนเราถึงความงามในความเรียบง่าย แค่น้ำร้อนและใบชาก็สามารถสร้างเครื่องดื่มที่ให้ทั้งความสุขและประโยชน์ต่อสุขภาพได้ นี่เป็นการเตือนใจให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต

การเชื่อมโยงกับธรรมชาติ

การดื่มชาเป็นการเชื่อมโยงเรากับธรรมชาติ ใบชาที่เราดื่มคือของขวัญจากธรรมชาติ ผ่านกระบวนการที่มนุษย์และธรรมชาติทำงานร่วมกัน การตระหนักถึงความเชื่อมโยงนี้ช่วยให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อมและความสำคัญของการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน

การแบ่งปันและความเป็นหนึ่งเดียว

ในหลายวัฒนธรรม การดื่มชาเป็นกิจกรรมทางสังคม เป็นโอกาสในการพบปะ พูดคุย และแบ่งปันความคิดกับผู้อื่น การแบ่งปันถ้วยชาเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพและความเป็นหนึ่งเดียวกัน

สารมหัศจรรย์ในชา: ประโยชน์ต่อสุขภาพที่คุณไม่ควรพลาด

1. คาเทชิน (Catechins) และ EGCG: นักรบแห่งสุขภาพ

  • ต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง: งานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่า EGCG สามารถยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งและกระตุ้นการตายของเซลล์มะเร็งได้ในหลอดทดลอง [1]
  • ปกป้องหัวใจ: ช่วยลดคอเลสเตอรอลและความดันโลหิต ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหัวใจ [2]
  • ควบคุมน้ำหนัก: กระตุ้นการเผาผลาญไขมัน ช่วยให้การควบคุมน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากขึ้น [3]
  • ต้านการอักเสบ: ลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังหลายชนิด [4]

ชาที่มีปริมาณคาเทชินและ EGCG สูงที่สุด: ชาเขียว รองลงมาคือชาขาว ชาอูหลง และชาดำตามลำดับ [5]

2. L-theanine: สารแห่งความสงบและสมาธิ

  • ผ่อนคลายโดยไม่ง่วงซึม: L-theanine ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายโดยไม่ทำให้ง่วงนอน เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องการสมาธิ [6]
  • เพิ่มความจำและการเรียนรู้: การศึกษาพบว่า L-theanine ช่วยเพิ่มความสามารถในการจดจำและการเรียนรู้ [7]
  • ปรับปรุงคุณภาพการนอน: แม้จะไม่ทำให้ง่วง แต่ L-theanine ช่วยให้นอนหลับลึกและมีคุณภาพมากขึ้น [8]

ชาที่มีปริมาณ L-theanine สูงที่สุด: ชาเขียวและชาดำ โดยเฉพาะชาเขียวที่ปลูกในที่ร่ม เช่น ชาเขียวเกียวคุโระของญี่ปุ่น [9]

3. วิตามิน C: มากกว่าแค่ภูมิคุ้มกัน

  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว ทำให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีขึ้น [10]
  • สร้างคอลลาเจน: วิตามิน C จำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน ซึ่งสำคัญต่อสุขภาพผิว กระดูก และข้อต่อ [11]
  • ดูดซึมธาตุเหล็ก: ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร ป้องกันภาวะโลหิตจาง [12]

ชาที่มีปริมาณวิตามิน C สูงที่สุด: ชาขาวและชาเขียว โดยเฉพาะชาที่ผ่านกระบวนการผลิตแบบนึ่งไอน้ำ [13]

4. แร่ธาตุสำคัญ: ทีมสนับสนุนร่างกาย

  • แมงกานีส: ช่วยในการสร้างกระดูกและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน รวมถึงมีบทบาทในการเผาผลาญอาหาร [14]
  • โพแทสเซียม: สำคัญต่อการควบคุมความดันโลหิตและการเต้นของหัวใจ [15]
  • แมกนีเซียม: ช่วยในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อและระบบประสาท รวมถึงการสร้างพลังงานในเซลล์ [16]

ชาที่มีแร่ธาตุสูง: ชาดำมักมีแร่ธาตุสูงกว่าชาชนิดอื่น โดยเฉพาะแมงกานีสและโพแทสเซียม ส่วนชาเขียวมีแมกนีเซียมสูง [17]

5. GABA: สารแห่งความสงบในจิตใจ

  • ลดความวิตกกังวล: GABA ช่วยลดการทำงานของระบบประสาทที่กระตุ้นมากเกินไป ทำให้รู้สึกสงบ [18]
  • ปรับปรุงการนอนหลับ: ช่วยให้หลับลึกและมีคุณภาพมากขึ้น [19]
  • ควบคุมความดันโลหิต: มีการศึกษาที่ชี้ว่า GABA อาจช่วยลดความดันโลหิตได้ [20]

ชาที่มีปริมาณ GABA สูงที่สุด: ชาอูหลงที่ผ่านกระบวนการหมักพิเศษ เรียกว่า “GABA tea” หรือ “Gabaron tea” [21]

6. โพรไบโอติกในชาผู่เอ๋อร์: มิตรภาพระหว่างชาและจุลินทรีย์

  • ส่งเสริมสุขภาพลำไส้: ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น [22]
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: จุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน [23]
  • ลดคอเลสเตอรอล: มีการศึกษาที่ชี้ว่าการดื่มชาผู่เอ๋อร์อาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ [24]

ชาที่มีโพรไบโอติกสูงที่สุด: ชาผู่เอ๋อร์ โดยเฉพาะชาผู่เอ๋อร์ที่หมักเป็นเวลานาน [25]

7. Theaflavins และ Thearubigins: ตัวแทนแห่งการเปลี่ยนแปลง

สารเหล่านี้เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการหมักของชาดำ ให้สีและรสชาติที่เข้มข้น นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่น่าสนใจ

  • ต้านอนุมูลอิสระ: ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย ชะลอกระบวนการแก่ [26]
  • ควบคุมน้ำตาลในเลือด: อาจช่วยปรับปรุงความไวต่ออินซูลิน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด [27]
  • ป้องกันโรคหัวใจ: ช่วยลดการอักเสบและปกป้องหลอดเลือด [28]

ชาที่มี Theaflavins และ Thearubigins สูงที่สุด: ชาดำ โดยเฉพาะชาดำที่หมักนานและสมบูรณ์ [29]

8. Theabrownins: สารลึกลับในชาผู่เอ๋อร์

Theabrownins เป็นสารที่พบมากในชาผู่เอ๋อร์ที่หมักเป็นเวลานาน ยิ่งหมักนาน ปริมาณ Theabrownins ก็ยิ่งสูงขึ้น

  • ลดไขมันในเลือดและตับ: การศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า Theabrownins อาจช่วยลดไขมันสะสมในตับและในเลือด [30]
  • ควบคุมน้ำหนัก: มีส่วนช่วยในกระบวนการเผาผลาญไขมัน [31]
  • ต้านการอักเสบ: มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังหลายชนิด [32]

ชาที่มี Theabrownins สูงที่สุด: ชาผู่เอ๋อร์ที่หมักเป็นเวลานาน (หลายปี) [33]

9. กรดแกลลิก (Gallic acid): นักปราบอนุมูลอิสระตัวยง

กรดแกลลิกเป็นสารประกอบฟีนอลิกที่พบได้ในชาหลายชนิด โดยเฉพาะในชาดำและชาผู่เอ๋อร์ สารนี้มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแกร่ง

  • ชะลอวัย: ด้วยคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ กรดแกลลิกช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย ชะลอกระบวนการแก่ [34]
  • ต้านมะเร็ง: มีการศึกษาที่ชี้ว่ากรดแกลลิกอาจช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิด [35]
  • ต้านเชื้อแบคทีเรีย: มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียบางชนิด [36]

ชาที่มีกรดแกลลิกสูงที่สุด: ชาดำและชาผู่เอ๋อร์ [37]

10. สารประกอบ Polyphenol และ Flavonoids: ทีมป้องกันสุขภาพ

Polyphenol เป็นกลุ่มใหญ่ของสารประกอบที่พบในพืช โดยเฉพาะในชา Flavonoids เป็นกลุ่มย่อยของ Polyphenol ที่พบมากในชา โดยเฉพาะในชาเขียวและชาขาว

  • ปกป้องเซลล์: ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันความเสียหายของเซลล์ [38]
  • ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง: อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ เบาหวาน และโรคอัลไซเมอร์ [39]
  • ควบคุมน้ำตาลในเลือด: ช่วยปรับปรุงการตอบสนองต่ออินซูลิน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด [40]
  • ต้านการอักเสบ: ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังหลายชนิด [41]
  • ป้องกันโรคหัวใจ: ช่วยปกป้องหลอดเลือด ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด [42]
  • ปกป้องสมอง: มีการศึกษาที่ชี้ว่า Flavonoids อาจช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง ลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์ [43]

ชาที่มีปริมาณ Polyphenol และ Flavonoids สูงที่สุด: ชาเขียวและชาขาว รองลงมาคือชาอูหลงและชาดำ [44]

11. แทนนิน (Tannin): รสฝาดที่มีประโยชน์

แทนนินเป็นสารที่ให้รสฝาดในชา นอกจากจะเป็นตัวกำหนดรสชาติแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ

  • สมานแผล: ช่วยสมานแผลในระบบทางเดินอาหาร บรรเทาอาการท้องเสีย [45]
  • ป้องกันฟันผุ: มีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดฟันผุ [46]
  • ต้านอนุมูลอิสระ: แม้จะไม่แรงเท่าสารอื่นๆ แต่แทนนินก็มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน [47]

ชาที่มีแทนนินสูงที่สุด: ชาดำและชาอูหลง โดยเฉพาะชาที่ชงนานหรือใช้อุณหภูมิสูง [48]

บทสรุป: ชา เครื่องดื่มแห่งชีวิตที่สมดุล

ชาไม่เพียงแต่เป็นเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ยังเป็นเครื่องมือในการฝึกฝนจิตใจและการใคร่ครวญชีวิต การดื่มชาอย่างมีสติ ใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การชงไปจนถึงการดื่ม ช่วยให้เราได้พักจากความวุ่นวายของชีวิตประจำวัน ได้กลับมาอยู่กับตัวเอง และเชื่อมโยงกับโลกรอบตัว

ในโลกที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและความเครียด การหยุดพักสักครู่เพื่อดื่มชาสักถ้วย ไม่เพียงแต่ให้ประโยชน์ทางกายภาพ แต่ยังช่วยฟื้นฟูจิตใจและจิตวิญญาณของเราด้วย ชาจึงไม่ใช่แค่เครื่องดื่ม แต่เป็นวิถีแห่งการดำเนินชีวิตที่สมดุลและมีความหมาย

เราขอเชิญชวนให้คุณลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มชาของตนเอง โดยเริ่มจากการเลือกชาที่เหมาะกับความต้องการของคุณ เช่น ดื่มชาเขียวในตอนเช้าเพื่อกระตุ้นการเผาผลาญ หรือดื่มชาคาโมมายล์ก่อนนอนเพื่อช่วยให้นอนหลับสบาย ให้การดื่มชาเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน การใคร่ครวญ และการเชื่อมโยงกับตัวเองและโลกรอบตัว

ดังนั้น ในครั้งต่อไปที่คุณยกถ้วยชาขึ้นจิบ ขอให้ตระหนักถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน ภูมิปัญญา และประโยชน์มากมายที่ซ่อนอยู่ในเครื่องดื่มเรียบง่ายนี้ ให้การดื่มชาเป็นมากกว่าแค่การดื่ม แต่เป็นการเฉลิมฉลองชีวิตและสุขภาพที่ดีในทุกๆ วัน

แหล่งอ้างอิง

[1] Khan, N., & Mukhtar, H. (2018). Tea polyphenols in promotion of human health. Nutrients, 10(11), 1523.

[2] Yang, C. S., Zhang, J., Zhang, L., Huang, J., & Wang, Y. (2016). Mechanisms of body weight reduction and metabolic syndrome alleviation by tea. Molecular nutrition & food research, 60(1), 160-174.

[3] Hursel, R., Viechtbauer, W., & Westerterp-Plantenga, M. S. (2009). The effects of green tea on weight loss and weight maintenance: a meta-analysis. International journal of obesity, 33(9), 956-961.

[4] Ohishi, T., Goto, S., Monira, P., Isemura, M., & Nakamura, Y. (2016). Anti-inflammatory action of green tea. Anti-Inflammatory & Anti-Allergy Agents in Medicinal Chemistry, 15(2), 74-90.

[5] Seeram, N. P., Henning, S. M., Niu, Y., Lee, R., Scheuller, H. S., & Heber, D. (2006). Catechin and caffeine content of green tea dietary supplements and correlation with antioxidant capacity. Journal of agricultural and food chemistry, 54(5), 1599-1603.

[6] Nobre, A. C., Rao, A., & Owen, G. N. (2008). L-theanine, a natural constituent in tea, and its effect on mental state. Asia Pacific journal of clinical nutrition, 17(S1), 167-168.

[7] Tamano, H., Fukura, K., Suzuki, M., Sakamoto, K., Yokogoshi, H., & Takeda, A. (2014). Preventive effect of theanine intake on stress-induced impairments of hippocampal long-term potentiation and recognition memory. Brain research bulletin, 95, 1-6.

[8] Rao, T. P., Ozeki, M., & Juneja, L. R. (2015). In search of a safe natural sleep aid. Journal of the American College of Nutrition, 34(5), 436-447.

[9] Keenan, E. K., Finnie, M. D., Jones, P. S., Rogers, P. J., & Priestley, C. M. (2011). How much theanine in a cup of tea? Effects of tea type and method of preparation. Food chemistry, 125(2), 588-594.

[10] Carr, A. C., & Maggini, S. (2017). Vitamin C and immune function. Nutrients, 9(11), 1211.

[11] Pullar, J. M., Carr, A. C., & Vissers, M. C. (2017). The roles of vitamin C in skin health. Nutrients, 9(8), 866.

[12] Lane, D. J., & Richardson, D. R. (2014). The active role of vitamin C in mammalian iron metabolism: much more than just enhanced iron absorption!. Free Radical Biology and Medicine, 75, 69-83.

[13] Cabrera, C., Artacho, R., & Giménez, R. (2006). Beneficial effects of green tea—a review. Journal of the American College of Nutrition, 25(2), 79-99.

[14] Lobo, V., Patil, A., Phatak, A., & Chandra, N. (2010). Free radicals, antioxidants and functional foods: Impact on human health. Pharmacognosy reviews, 4(8), 118.

[15] Weaver, C. M. (2013). Potassium and health. Advances in Nutrition, 4(3), 368S-377S.

[16] Guerrero-Romero, F., & Rodríguez-Morán, M. (2013). The effect of lowering blood pressure by magnesium supplementation in diabetic hypertensive adults with low serum magnesium levels: a randomized, double-blind, placebo-controlled clinical trial. Journal of human hypertension, 27(10), 623-629.

[17] Hope, S., Daniel, K., Gleason, K. L., Comber, S., Nelson, M., & Powell, J. J. (2006). Influence of tea drinking on manganese intake, manganese status and leucocyte expression of MnSOD and cytosolic aminopeptidase P. European journal of clinical nutrition, 60(1), 1-8.

[18] Boonstra, E., de Kleijn, R., Colzato, L. S., Alkemade, A., Forstmann, B. U., & Nieuwenhuis, S. (2015). Neurotransmitters as food supplements: the effects of GABA on brain and behavior. Frontiers in psychology, 6, 1520.

[19] Abdou, A. M., Higashiguchi, S., Horie, K., Kim, M., Hatta, H., & Yokogoshi, H. (2006). Relaxation and immunity enhancement effects of γ‐aminobutyric acid (GABA) administration in humans. BioFactors, 26(3), 201-208.

[20] Shimada, M., Hasegawa, T., Nishimura, C., Kan, H., Kanno, T., Nakamura, T., & Matsubayashi, T. (2009). Anti-hypertensive effect of γ-aminobutyric acid (GABA)-rich Chlorella on high-normal blood pressure and borderline hypertension in placebo-controlled double blind study. Clinical and experimental hypertension, 31(4), 342-354.

[21] Zhao, M., Ma, Y., Wei, Z. Z., Yuan, W. X., Li, Y. L., Zhang, C. H., … & Zhou, H. M. (2011). Determination and comparison of γ-aminobutyric acid (GABA) content in pu-erh and other types of Chinese tea. Journal of agricultural and food chemistry, 59(8), 3641-3648.

[22] Zhang, L., Ma, Z. Z., Che, Y. Y., Pamulaparthi, A., Zhang, C., & Ye, J. M. (2020). Protective Effect of Pu-erh Tea and Its Fractions against Carbon Tetrachloride-Induced Liver Damage in Mice. Journal of Agricultural and Food Chemistry, 68(12), 3672-3683.

[23] Zhang, X., Chen, S., Duan, F., Liu, A., Li, S., Zhong, W., … & Xie, X. (2019). Prebiotics enhance the biotransformation and bioavailability of ginsenosides in rats by modulating gut microbiota. Journal of Ginseng Research, 43(2), 163-173.

[24] Kee, J. Y., Han, Y. H., Kim, D. S., Mun, J. G., Park, J., Jeong, M. Y., … & Hong, S. H. (2016). Inhibitory effect of pu-erh tea on allergic inflammation in an ovalbumin-induced allergic rhinitis mouse model. Journal of agricultural and food chemistry, 64(46), 8930-8939.

[25] Ling, T. J., Wan, X. C., Ling, W. W., Zhang, Z. Z., Xia, T., Li, D. X., & Hou, R. Y. (2010). New triterpenoids and other constituents from a special microbial-fermented tea—Fuzhuan brick tea. Journal of agricultural and food chemistry, 58(8), 4945-4950.

[26] Leung, L. K., Su, Y., Chen, R., Zhang, Z., Huang, Y., & Chen, Z. Y. (2001). Theaflavins in black tea and catechins in green tea are equally effective antioxidants. The Journal of nutrition, 131(9), 2248-2251.

[27] Imran, A., Butt, M. S., Xiao, H., Imran, M., Rauf, A., Mubarak, M. S., & Ramadan, M. F. (2019). Inhibitory effect of black tea (Camellia sinensis) theaflavins and thearubigins against HCT 116 colon cancer cells and HT 460 lung cancer cells. Journal of Food Biochemistry, 43(5), e12822.

[28] Bahorun, T., Luximon‐Ramma, A., Neergheen‐Bhujun, V. S., Gunness, T. K., Googoolye, K., Auger, C., … & Aruoma, O. I. (2012). The effect of black tea on risk factors of cardiovascular disease in a normal population. Preventive medicine, 54, S98-S102.

[29] Kuhnert, N., Drynan, J. W., Obuchowicz, J., Clifford, M. N., & Witt, M. (2010). Mass spectrometric characterization of black tea thearubigins leading to an oxidative cascade hypothesis for thearubigin formation. Rapid Communications in Mass Spectrometry, 24(23), 3387-3404.

[30] Gong, J., Peng, C., Chen, T., Gao, B., & Zhou, H. (2010). Effects of theabrownin from pu-erh tea on the metabolism of serum lipids in rats: mechanism of action. Journal of food science, 75(6), H182-H189.

[31] Huang, Q., Chen, S., Chen, H., Wang, Y., Wang, Y., Hochstetter, D., & Xu, P. (2013). Studies on the bioactivity of aqueous extract of pu-erh tea and its fractions: in vitro antioxidant activity and α-glycosidase inhibitory property, and their effect on postprandial hyperglycemia in diabetic mice. Food and Chemical Toxicology, 53, 75-83.

[32] Xie, G., Ye, M., Wang, Y., Ni, Y., Su, M., Huang, H., … & Jia, W. (2009). Characterization of pu‐erh tea using chemical and metabolic profiling approaches. Journal of agricultural and food chemistry, 57(8), 3046-3054.

[33] Zhang, L., Zhang, Z. Z., Zhou, Y. B., Ling, T. J., & Wan, X. C. (2013). Chinese dark teas: Postfermentation, chemistry and biological activities. Food Research International, 53(2), 600-607.

[34] Badhani, B., Sharma, N., & Kakkar, R. (2015). Gallic acid: a versatile antioxidant with promising therapeutic and industrial applications. RSC Advances, 5(35), 27540-27557.

[35] Verma, S., Singh, A., & Mishra, A. (2013). Gallic acid: molecular rival of cancer. Environmental toxicology and pharmacology, 35(3), 473-485.

[36] Borges, A., Ferreira, C., Saavedra, M. J., & Simões, M. (2013). Antibacterial activity and mode of action of ferulic and gallic acids against pathogenic bacteria. Microbial Drug Resistance, 19(4), 256-265.

[37] Sang, S., Lambert, J. D., Ho, C. T., & Yang, C. S. (2011). The chemistry and biotransformation of tea constituents. Pharmacological research, 64(2), 87-99.

[38] Scalbert, A., Johnson, I. T., & Saltmarsh, M. (2005). Polyphenols: antioxidants and beyond. The American journal of clinical nutrition, 81(1), 215S-217S.

[39] Williamson, G., & Manach, C. (2005). Bioavailability and bioefficacy of polyphenols in humans. II. Review of 93 intervention studies. The American journal of clinical nutrition, 81(1), 243S-255S.

[40] Kim, Y., Keogh, J. B., & Clifton, P. M. (2016). Polyphenols and glycemic control. Nutrients, 8(1), 17.

[41] Joseph, S. V., Edirisinghe, I., & Burton-Freeman, B. M. (2016). Fruit polyphenols: A review of anti-inflammatory effects in humans. Critical reviews in food science and nutrition, 56(3), 419-444.

[42] Wang, X., Ouyang, Y. Y., Liu, J., & Zhao, G. (2014). Flavonoid intake and risk of CVD: a systematic review and meta-analysis of prospective cohort studies. British Journal of Nutrition, 111(1), 1-11.

[43] Vauzour, D. (2012). Dietary polyphenols as modulators of brain functions: biological actions and molecular mechanisms underpinning their beneficial effects. Oxidative medicine and cellular longevity, 2012.

[44] Del Rio, D., Stewart, A. J., Mullen, W., Burns, J., Lean, M. E., Brighenti, F., & Crozier, A. (2004). HPLC-MSn analysis of phenolic compounds and purine alkaloids in green and black tea. Journal of agricultural and food chemistry, 52(10), 2807-2815.

[45] Chung, K. T., Wong, T. Y., Wei, C. I., Huang, Y. W., & Lin, Y. (1998). Tannins and human health: a review. Critical reviews in food science and nutrition, 38(6), 421-464.

[46] Koo, H., Duarte, S., Murata, R. M., Scott-Anne, K., Gregoire, S., Watson, G. E., … & Bowen, W. H. (2010). Influence of cranberry proanthocyanidins on formation of biofilms by Streptococcus mutans on saliva-coated apatitic surface and on dental caries development in vivo. Caries research, 44(2), 116-126.

[47] Koleckar, V., Kubikova, K., Rehakova, Z., Kuca, K., Jun, D., Jahodar, L., & Opletal, L. (2008). Condensed and hydrolysable tannins as antioxidants influencing the health. Mini reviews in medicinal chemistry, 8(5), 436-447.

[48] Harbowy, M. E., & Balentine, D. A. (1997). Tea chemistry. Critical Reviews in Plant Sciences, 16(5), 415-480.

Shopping cart
Sign in

No account yet?

We use cookies to improve your experience on our website. By browsing this website, you agree to our use of cookies.