สัญญาณสุดท้ายแห่งความเป็นมนุษย์

สัญญาณสุดท้ายแห่งความเป็นมนุษย์

2055: โลกที่สมบูรณ์แบบ

ไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีอาชญากรรม ไม่มีความทุกข์ ทุกชีวิตดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

แต่ในความสมบูรณ์แบบนี้ มีบางสิ่งหายไป สิ่งที่เคยทำให้เราเป็น... มนุษย์

ณ ขอบจักรวาล มีเสียงกระซิบแผ่วเบา เสียงของอิสรภาพที่สูญหาย ของความฝันที่ถูกลืม

และในใจของชายผู้หนึ่ง ความทรงจำกำลังตื่น พร้อมจะจุดประกายการต่อสู้ครั้งสุดท้าย

เพื่อชะตากรรมของมนุษยชาติ...

บทที่ 1: โอกาสครั้งสำคัญ

อาทิตย์ นักการตลาดออนไลน์วัย 32 ปี นั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความตื่นเต้นปนประหม่า เขากำลังอ่านอีเมลที่เพิ่งเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“เรียน คุณอาทิตย์ วิทยาธร

ทาง GlobeSphere มีความยินดีที่จะเชิญคุณเข้าร่วมทีมของเราในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด…”

GlobeSphere บริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก กำลังเสนอตำแหน่งระดับสูงให้เขา นี่คือโอกาสที่นักการตลาดทุกคนใฝ่ฝัน

อาทิตย์ลูบใบหน้าอย่างตื่นเต้น ความสำเร็จที่เขาสั่งสมมาตลอด 10 ปีในวงการดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งกำลังส่งผล เขาเคยสร้างแคมเปญการตลาดที่ประสบความสำเร็จให้กับแบรนด์ชั้นนำมากมาย แต่การได้ร่วมงานกับ GlobeSphere นั้นอยู่ในระดับที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง

เขาตอบรับข้อเสนอทันที โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

สองสัปดาห์ต่อมา อาทิตย์ก้าวเข้าสู่สำนักงานใหญ่ของ GlobeSphere ในกรุงเทพฯ อาคารกระจกและเหล็กสูง 50 ชั้นตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง ภายในตกแต่งด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย หุ่นยนต์ต้อนรับทักทายเขาด้วยรอยยิ้มและเสียงสังเคราะห์ที่ฟังดูเป็นธรรมชาติ

“สวัสดีครับ คุณอาทิตย์ ยินดีต้อนรับสู่ GlobeSphere ผมจะพาคุณไปพบ CEO ของเราครับ”

หุ่นยนต์นำทางอาทิตย์ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุดของตึก ประตูเปิดออกสู่ห้องทำงานขนาดใหญ่ที่มองเห็นวิวเมืองกรุงเทพฯ ได้แบบพาโนรามา ชายวัยกลางคนผมสีเงินในชุดสูทสีเทาเข้มยืนอยู่หน้าหน้าต่างบานใหญ่

“คุณอาทิตย์ ยินดีต้อนรับครับ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น ชายผู้นั้นหันมาและยิ้มกว้าง “ผมชื่อธนา เป็น CEO ของ GlobeSphere ครับ”

อาทิตย์จับมือทักทายธนาด้วยความนับถือ “ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากครับที่ได้ร่วมงานกับ GlobeSphere”

ธนาพยักหน้า “เรารู้จักคุณดีครับ ผลงานของคุณน่าประทับใจมาก นั่นคือเหตุผลที่เราเลือกคุณมาร่วมทีม” เขาเดินไปที่โต๊ะทำงานและกดปุ่มบนแผงควบคุม ทันใดนั้น ภาพโฮโลแกรมสามมิติของโลกก็ปรากฏขึ้นกลางห้อง

“คุณรู้ไหมว่า GlobeSphere มีผู้ใช้งานกี่คนทั่วโลก?” ธนาถาม

อาทิตย์คิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตามข้อมูลล่าสุดที่เปิดเผย น่าจะประมาณ 5 พันล้านคนครับ”

ธนาหัวเราะเบาๆ “นั่นเป็นตัวเลขที่เราเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่ความจริงแล้ว…” เขากดปุ่มอีกครั้ง ตัวเลขปรากฏขึ้นเหนือภาพโลก “7.8 พันล้านคน คุณอาทิตย์ เราเข้าถึงประชากรเกือบทั้งโลก”

อาทิตย์อ้าปากค้าง ตัวเลขนี้หมายความว่าแทบทุกคนบนโลกใช้ GlobeSphere “แต่…แต่นั่นเกินกว่าจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมดด้วยซ้ำ”

ธนายิ้มอย่างภาคภูมิ “ถูกต้อง เพราะเรามีวิธีเข้าถึงแม้แต่คนที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต ด้วยเทคโนโลยีที่เราพัฒนาขึ้นเอง” เขาเดินวนรอบโฮโลแกรม “และนี่คือสิ่งที่ทำให้เราแตกต่าง เรามีข้อมูลและอิทธิพลเหนือประชากรโลกมากกว่าที่ใครจะจินตนาการได้”

อาทิตย์รู้สึกตื่นเต้นและพรั่นพรึงไปพร้อมกัน “แล้ว…เราจะใช้อำนาจนี้อย่างไรครับ?”

ธนาหยุดเดินและมองตรงมาที่อาทิตย์ “นั่นคือสิ่งที่คุณต้องช่วยเราคิด คุณอาทิตย์ เรามีโปรเจกต์พิเศษที่ต้องการความเชี่ยวชาญของคุณ” เขากดรีโมตอีกครั้ง ภาพโฮโลแกรมเปลี่ยนเป็นแผนภูมิซับซ้อน “เราต้องการควบคุมการตอบสนองของผู้ใช้ให้เป็นไปในทิศทางที่เราต้องการ”

อาทิตย์กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “ควบคุม…ผู้ใช้เหรอครับ?”

“ใช่ครับ” ธนาตอบอย่างเรียบเฉย “นี่คือความต้องการของผู้ลงทุนรายใหญ่ของเรา พวกเขาต้องการเห็นว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้างกับข้อมูลและอิทธิพลที่เรามี” เขาหยุดชั่วครู่ก่อนจะเสริม “พูดง่ายๆ ก็คือ พวกเขาอยากลองเล่นบทพระเจ้าน่ะ”

อาทิตย์รู้สึกเหมือนโลกหมุนช้าลง คำพูดของธนาดังก้องในหัวเขา เขากำลังถูกขอให้ใช้ความสามารถด้านการตลาดเพื่อควบคุมความคิดและพฤติกรรมของผู้คนทั่วโลก นี่มันเกินกว่าที่เขาเคยจินตนาการว่าจะได้ทำ

“ผม…ผมต้องทำอะไรบ้างครับ?” อาทิตย์ถามเสียงแผ่ว

ธนายิ้มกว้าง “คุณจะได้เข้าถึงข้อมูลทั้งหมดที่เรามี ทั้งพฤติกรรมการใช้งาน ความสนใจ และแม้แต่ข้อมูลชีวภาพของผู้ใช้ งานของคุณคือวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้และออกแบบกลยุทธ์ที่จะทำให้เราสามารถ ‘ชี้นำ’ ผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด”

อาทิตย์พยักหน้าช้าๆ สมองของเขายังประมวลผลไม่ทัน “ผมจะพยายามอย่างเต็มที่ครับ”

“ดีมาก” ธนาตบไหล่อาทิตย์เบาๆ “ไปพบทีมงานของคุณได้แล้ว พวกเขาจะอธิบายรายละเอียดให้คุณฟัง” เขาเดินไปที่ประตู “อ้อ อีกอย่าง” ธนาหันมามองอาทิตย์ด้วยสายตาจริงจัง “ทุกอย่างที่คุณได้ยินและเห็นในวันนี้ ถือเป็นความลับสูงสุด เข้าใจนะ”

อาทิตย์พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามหุ่นยนต์ออกจากห้องไป เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองเพิ่งก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่ โลกที่เส้นแบ่งระหว่างความจริงและความลวงกำลังจะเลือนหายไป

บทที่ 2: ความลับใต้พรม

อาทิตย์นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานส่วนตัว เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นบนหน้าผากขณะที่เขาพยายามทำความเข้าใจข้อมูลมหาศาลตรงหน้า

สองสัปดาห์ผ่านไปนับตั้งแต่วันแรกที่เขาเริ่มงานที่ GlobeSphere ช่วงเวลานี้เต็มไปด้วยการประชุม การเรียนรู้ระบบ และการทำความรู้จักกับทีมงาน แต่เพิ่งวันนี้ที่เขาได้เข้าถึงฐานข้อมูลจริงของบริษัท

“นี่มัน…เหลือเชื่อ” อาทิตย์พึมพำกับตัวเอง ขณะเลื่อนดูข้อมูลบนหน้าจอ

ข้อมูลที่เขาเห็นไม่ใช่แค่สถิติการใช้งานทั่วไปอย่างที่เขาคุ้นเคยจากงานการตลาดดิจิทัลในอดีต แต่มันลึกซึ้งและละเอียดยิบยิ่งกว่านั้นมาก

GlobeSphere ไม่ได้แค่เก็บข้อมูลการคลิก การกดไลค์ หรือการแชร์ แต่พวกเขาเก็บทุกอย่าง – ทุกการเคลื่อนไหวของนิ้วบนหน้าจอ ทุกวินาทีที่ผู้ใช้หยุดอ่านโพสต์ ทุกครั้งที่พวกเขาพิมพ์แล้วลบข้อความก่อนส่ง

และนั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด

อาทิตย์กดเปิดไฟล์ที่ชื่อ “Biometric_Data” ด้วยความสงสัย ทันทีที่หน้าต่างใหม่ปรากฏขึ้น เขาก็ต้องอ้าปากค้าง

“อัตราการเต้นของหัวใจ… การเคลื่อนไหวของม่านตา… คลื่นสมอง!?” อาทิตย์อุทานอย่างตกใจ “พวกเขาเก็บข้อมูลพวกนี้ได้ยังไง?”

เขาเลื่อนลงไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม และพบว่า GlobeSphere ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถเก็บข้อมูลเหล่านี้ผ่านกล้องและไมโครโฟนของอุปกรณ์ที่ผู้ใช้งานมี โดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว

“นี่มัน…ผิดกฎหมายชัดๆ” อาทิตย์พูดกับตัวเอง ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ

อาทิตย์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนจะคลิกเปิดไฟล์ที่ชื่อ “QuantumSense_Tech_Overview”

เขาอ่านข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอด้วยความตื่นตะลึง:

“QuantumSense: เทคโนโลยีการเก็บข้อมูลชีวภาพล้ำสมัย

  • กล้อง Quantum Dot: ใช้เทคโนโลยีควอนตัมดอทเพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวของม่านตาแม้ผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟน ความละเอียดสูงถึงระดับนาโนเมตร
  • เซ็นเซอร์คลื่นสมอง NeuroWave: ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่พิเศษที่สามารถอ่านคลื่นสมองได้จากระยะไกลถึง 1 เมตร ถูกซ่อนอยู่ในชิปประมวลผลของสมาร์ทโฟนทุกรุ่นที่ผลิตในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
  • ไมโครโฟน UltraSonic: บันทึกเสียงความถี่ต่ำกว่า 20 Hz ซึ่งมนุษย์ไม่ได้ยิน แต่สามารถวิเคราะห์อารมณ์และสภาวะทางจิตใจได้
  • เซ็นเซอร์ชีพจร PulseTrack: ตรวจจับการเต้นของหัวใจผ่านการสัมผัสหน้าจอ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพและอารมณ์”

อาทิตย์รู้สึกเหมือนโลกหมุนช้าลง เขานึกถึงสมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง และตระหนักว่ามันกำลังเก็บข้อมูลทุกอย่างของเขาอยู่ตลอดเวลา โดยที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน ด้วยความระแวง อาทิตย์ค่อยๆ หยิบโทรศัพท์ออกมา เขานึกถึงสิ่งที่เคยได้ยินมาเกี่ยวกับการป้องกันการดักฟัง เขาเปิดเพลงคลาสสิกเบาๆ วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ แล้วพยายามคิดหาวิธีที่จะสื่อสารโดยไม่ถูกสอดแนม

ขณะที่อาทิตย์กำลังครุ่นคิดว่าจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น “เชิญครับ” อาทิตย์ตอบ พลางรีบปิดหน้าต่างข้อมูลบนคอมพิวเตอร์ ประตูเปิดออก และหญิงสาวร่างเล็กในชุดสูทสีดำก้าวเข้ามา “สวัสดีค่ะ คุณอาทิตย์ ฉันชื่อแพรว เป็นหัวหน้าทีม AI ของ GlobeSphere” เธอแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้ม “ฉันมาชวนคุณไปดูของเจ๋งๆ ที่เราเตรียมไว้ให้คุณใช้งานค่ะ”

อาทิตย์พยายามซ่อนความประหม่า “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณแพรว ของเจ๋งอะไรเหรอครับ?” แพรวยิ้มกว้างขึ้น “AI ตัวใหม่ของเราไงคะ ที่จะช่วยคุณวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างแคมเปญ คุณต้องตะลึงแน่ๆ”

อาทิตย์ลุกขึ้นยืน พยายามทำท่าทางกระตือรือร้น แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความกังวล “เยี่ยมเลยครับ ไปกันเลยดีกว่า” ขณะที่เดินตามแพรวออกจากห้อง อาทิตย์แอบกวาดตามองรอบๆ อย่างระแวดระวัง เขารู้ดีว่าต้องระมัดระวังทุกการกระทำและคำพูดของตัวเองจากนี้ไป

ระหว่างที่เดินตามแพรวไปตามทางเดิน อาทิตย์รู้สึกว่าเขากำลังก้าวเข้าสู่โลกที่ซับซ้อนและอันตรายยิ่งกว่าที่คิด แต่ความอยากรู้อยากเห็นก็เอาชนะความกลัวได้ เขาต้องรู้ให้ได้ว่า AI ที่ว่านี้จะทรงพลังแค่ไหน

บทที่ 3: พลังแห่งการควบคุม

อาทิตย์ก้าวเข้าสู่ห้องควบคุมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยหน้าจอและเครื่องมือไฮเทค เขาอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ แม้จะมีความกังวลซ่อนอยู่ลึกๆ

ขณะที่เดินตามแพรว อาทิตย์สังเกตเห็นโปสเตอร์ขนาดใหญ่บนผนังทางเดิน แสดงภาพโลกที่เต็มไปด้วยมลพิษและความเสื่อมโทรม พร้อมข้อความ “เราต้องทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะสายเกินไป”

“น่ากลัวใช่ไหมคะ?” แพรวพูดขึ้นเมื่อเห็นอาทิตย์มองภาพนั้น “นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับโลกของเราจริงๆ ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเฉลี่ย 1 เมตรในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา พื้นที่เพาะปลูกลดลง 30% เนื่องจากภัยแล้งและน้ำท่วม และอากาศในเมืองใหญ่มีมลพิษเกินค่ามาตรฐานกว่า 200 วันต่อปี”

อาทิตย์พยักหน้าอย่างหนักใจ “แล้วเราจะแก้ปัญหานี้ได้ยังไงครับ?”

แพรวยิ้มบางๆ “นั่นแหละค่ะ คือเหตุผลที่คุณอยู่ที่นี่ เรากำลังพยายามหาทางออกให้กับมนุษยชาติ และ AI ของเราจะช่วยให้เราทำได้”

“นี่คือศูนย์กลางการวิเคราะห์ข้อมูลของเราค่ะ” แพรวอธิบายพลางเดินนำไปยังคอนโซลกลางห้อง “และนี่คือ ‘ออมนิส’ AI ขั้นสูงที่เราพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะ”

หน้าจอขนาดใหญ่สว่างขึ้น แสดงอินเตอร์เฟซที่ดูล้ำสมัย

“สวัสดี คุณอาทิตย์” เสียงนุ่มนวลดังออกมาจากลำโพง “ฉันคือออมนิส ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคุณ”

อาทิตย์อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบกลับ “สวัสดีครับ ออมนิส ผมก็ยินดีเช่นกัน”

แพรวยิ้มอย่างภูมิใจ “ออมนิสสามารถวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดที่เรามีและสร้างโมเดลพฤติกรรมที่แม่นยำมากๆ ค่ะ เราสามารถใช้มันทำนายและชี้นำการกระทำของผู้ใช้ได้”

“ทำนายและชี้นำ?” อาทิตย์ทวนคำ “หมายความว่ายังไงครับ?”

“ลองดูตัวอย่างนี้ค่ะ” แพรวพูดพลางกดปุ่มบนคอนโซล

ภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏขึ้นบนจอใหญ่ พร้อมข้อมูลส่วนตัวและพฤติกรรมการใช้งานโซเชียลมีเดียของเขา

“นี่คือนายโกวิท อายุ 28 ปี โสด ทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศ” แพรวอธิบาย “ออมนิส ช่วยวิเคราะห์หน่อยค่ะว่าเราจะชี้นำให้เขาซื้อรถยนต์ใหม่ได้ยังไง”

“ได้ครับ” ออมนิสตอบรับ ก่อนที่ข้อมูลมากมายจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอ “จากการวิเคราะห์ พบว่านายโกวิทมีความสนใจในรถยนต์ แต่ยังลังเลที่จะซื้อ เนื่องจากกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ผมขอเสนอแผนการดังนี้”

ออมนิสเริ่มอธิบายแผนการที่ซับซ้อน โดยเน้นย้ำว่าทุกขั้นตอนได้ผ่านการทดสอบ A/B มาแล้วนับล้านล้านครั้งกับผู้ใช้จริงทั่วโลก

“เราจะเริ่มด้วยการปรับอัลกอริทึมให้นายโกวิทเห็นโฆษณารถยนต์บ่อยขึ้น โดยเราได้ทดสอบแล้วว่าความถี่ 7 ครั้งต่อวันให้ผลลัพธ์ดีที่สุด” ออมนิสอธิบาย “จากนั้น เราจะแทรกเนื้อหาเกี่ยวกับความสำเร็จและสถานะทางสังคมที่มาพร้อมกับการมีรถหรู โดยใช้รูปแบบโพสต์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งผ่านการทดสอบมาแล้วว่าสร้างความรู้สึกอยากมีอยากได้ได้มากที่สุด”

ออมนิสแสดงกราฟและสถิติประกอบคำอธิบาย “เราจะสร้างความรู้สึกว่าเพื่อนๆ ของเขากำลังมีชีวิตที่ดีกว่าเพราะมีรถ โดยใช้อัลกอริทึมที่คัดเลือกโพสต์จากเพื่อนที่มีรถใหม่มาแสดงบนหน้าฟีดของเขาบ่อยขึ้น การทดสอบแสดงให้เห็นว่าวิธีนี้เพิ่มความต้องการซื้อรถได้ถึง 63%”

“และสุดท้าย เราจะส่งข้อความจากธนาคารที่เขาใช้บริการอยู่ เสนอสินเชื่อรถยนต์ในอัตราพิเศษ ซึ่งเราได้ปรับแต่งข้อความและจังหวะเวลาในการส่งจนได้อัตราการตอบรับสูงสุด” ออมนิสสรุป “จากการประมวลผลทั้งหมด โอกาสที่นายโกวิทจะตัดสินใจซื้อรถภายใน 3 เดือนอยู่ที่ 87.6% ซึ่งมีความแม่นยำสูงมากเนื่องจากผ่านการทดสอบและปรับปรุงมาแล้วกว่าพันล้านครั้งกับกลุ่มตัวอย่างทั่วโลก”

อาทิตย์ยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง เขาเคยทำการตลาดมานาน แต่ไม่เคยเห็นอะไรที่มีประสิทธิภาพและน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน

“นี่มัน…น่าทึ่งมาก” เขาพูดออกมาในที่สุด “แต่มันไม่ผิดจริยธรรมหรือครับ? เราก็เหมือนกำลังบังคับให้คนซื้อของที่เขาอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้จริงๆ”

แพรวหัวเราะเบาๆ “คุณอาทิตย์คะ นี่ก็คือสิ่งที่การตลาดทำมาตลอด เพียงแต่ตอนนี้เรามีเครื่องมือที่ทรงพลังกว่าเดิมเท่านั้นเอง” เธอหันไปทางจอภาพ “ออมนิส ลองให้ตัวอย่างอื่นอีกหน่อยสิคะ”

“ได้ครับ” ออมนิสตอบรับ ภาพบนจอเปลี่ยนเป็นแผนที่โลกที่มีจุดสีแดงกระจายอยู่ทั่ว “นี่คือตำแหน่งของผู้ใช้ที่มีแนวโน้มจะเข้าร่วมการประท้วงในประเด็นสิ่งแวดล้อมภายในสัปดาห์หน้า หากเราต้องการลดจำนวนผู้เข้าร่วม เราสามารถ…”

อาทิตย์ฟังด้วยความรู้สึกปั่นป่วนในท้อง ขณะที่ออมนิสอธิบายวิธีการต่างๆ ในการ “ชี้นำ” ความคิดและการกระทำของผู้คนจำนวนมหาศาล ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนเนื้อหาที่พวกเขาเห็น ไปจนถึงการสร้างกระแสปลอมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ

“และนี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของสิ่งที่เราทำได้นะคะ” แพรวพูดด้วยรอยยิ้มภูมิใจ “คุณอาทิตย์จะได้ใช้เครื่องมือทั้งหมดนี้ในการสร้างแคมเปญที่จะเปลี่ยนแปลงโลก”

อาทิตย์พยายามยิ้มตอบ แต่ในใจกลับรู้สึกหนักอึ้ง เขาเริ่มตระหนักว่างานใหม่ของเขาไม่ใช่แค่การทำการตลาดธรรมดา แต่เป็นการควบคุมจิตใจของผู้คนในระดับที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

“ขอบคุณมากครับ” เขาพูดออกมาในที่สุด “ผมคงต้องใช้เวลาศึกษาระบบนี้อีกสักพัก”

“แน่นอนค่ะ” แพรวตอบ “เรามีเวลาอีกเยอะ แต่อย่าลืมนะคะว่าผู้บริหารคาดหวังผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่จากคุณ”

บทที่ 4: จุดเปลี่ยน

เมื่อกลับมาที่ห้องทำงาน อาทิตย์ทรุดตัวลงบนเก้าอี้ สมองของเขาเต็มไปด้วยคำถามและความกังวล เขารู้ว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ ณ จุดเปลี่ยนสำคัญ – จะใช้พลังมหาศาลนี้อย่างไร? และเขาจะสามารถรับมือกับผลกระทบที่ตามมาได้หรือไม่?

สองเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว อาทิตย์จมอยู่กับการเรียนรู้ระบบของ GlobeSphere และการทดลองใช้ออมนิสในการสร้างแคมเปญต่างๆ เขาต้องยอมรับว่าผลลัพธ์นั้นน่าทึ่งมาก แคมเปญที่เขาออกแบบร่วมกับ AI สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นยอดขาย การสร้างกระแสสังคม หรือแม้แต่การโน้มน้าวความคิดทางการเมือง

แต่ยิ่งเขาใช้ระบบนี้มากเท่าไร ความรู้สึกไม่สบายใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น

คืนหนึ่ง ขณะที่อาทิตย์นั่งทำงานดึก เขาได้ยินเสียงการสนทนาดังมาจากห้องประชุมใกล้ๆ เสียงของธนา CEO และชายอีกคนที่เขาไม่รู้จัก

ด้วยความสงสัย อาทิตย์ย่องเข้าไปใกล้ประตูที่เปิดแง้มไว้

“…โปรเจกต์กำจัดประชากรส่วนเกินกำลังไปได้ด้วยดี” เสียงของชายที่ไม่รู้จักพูด “แต่เราต้องเร่งมือแล้ว โลกไม่สามารถรองรับคนจำนวนมากขนาดนี้ได้อีกต่อไป”

“ผมเข้าใจครับ” ธนาตอบ “เรากำลังพัฒนาแผนการระยะยาวอยู่ ทั้งการควบคุมอัตราการเกิด และการ…กำจัดส่วนเกิน นาโนบอทของเราก็กำลังถูกแจกจ่ายผ่านวัคซีน ยา อาหาร และน้ำดื่มทั่วโลก เมื่อถึงเวลา เราจะสามารถ ‘จัดการ’ กับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

“ดีมาก” เสียงของชายคนนั้นตอบกลับ “เราต้องลดจำนวนประชากรลง 80% ภายใน 10 ปี มันฟังดูโหดร้าย แต่นี่คือสิ่งที่จำเป็นเพื่อความอยู่รอดของมนุษยชาติ”

“ผมเข้าใจครับ” ธนาตอบ “และด้วยอำนาจที่เรามีตอนนี้ เราสามารถทำได้โดยไม่มีใครขัดขวาง ไม่มีรัฐบาลไหนกล้าท้าทายเรา ไม่หลังจากที่เราช่วยให้พวกเขาชนะการเลือกตั้งและรักษาอำนาจมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา”

อาทิตย์รู้สึกเหมือนโลกหมุนช้าลง คำพูดของธนาดังก้องในหัวเขา เขากำลังถูกขอให้ใช้ความสามารถด้านการตลาดเพื่อควบคุมความคิดและพฤติกรรมของผู้คนทั่วโลก และตอนนี้เขารู้ว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องการตลาดธรรมดา แต่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่น่าสะพรึงกลัว

เขารีบกลับไปที่โต๊ะทำงาน พยายามทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจของเขา ความคิดมากมายกำลังวิ่งวุ่น – พวกเขากำลังวางแผนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ 80% ของประชากรโลก และเขากำลังมีส่วนร่วมในแผนการนี้โดยไม่รู้ตัว

อาทิตย์นั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนจะตัดสินใจเปิดระบบของออมนิสขึ้นมา

“ออมนิส” เขาพิมพ์คำสั่ง “แสดงรายชื่อกลุ่มเป้าหมายสำหรับโครงการลดจำนวนประชากร”

หน้าจอกระพริบ ก่อนที่ข้อความจะปรากฏขึ้น:

“คำเตือน: ข้อมูลนี้เป็นความลับระดับสูงสุด ต้องการการยืนยันตัวตน”

อาทิตย์กลืนน้ำลาย ก่อนจะพิมพ์รหัสผ่านของเขาลงไป

ทันใดนั้น หน้าจอก็เต็มไปด้วยรายชื่อและข้อมูลของผู้คนนับล้าน แต่ละคนมีตัวเลข “คะแนนประโยชน์ต่อสังคม” กำกับไว้ อาทิตย์เลื่อนดูรายชื่อด้วยความรู้สึกหนาวสะท้าน

เมื่อเขาคลิกดูรายละเอียด ระบบแสดงวิธีการคำนวณคะแนนที่ซับซ้อน:

“คะแนนประโยชน์ต่อสังคม = (ผลผลิตทางเศรษฐกิจ + คุณค่าทางสังคม) – (การสร้างมลภาวะ + การใช้ทรัพยากร)

โดยที่:

  • ผลผลิตทางเศรษฐกิจ: รายได้, ภาษีที่จ่าย, การสร้างงาน
  • คุณค่าทางสังคม: การทำงานอาสาสมัคร, การช่วยเหลือชุมชน, ผลงานทางวิชาการ
  • การสร้างมลภาวะ: คาร์บอนฟุตพริ้นท์, ขยะที่สร้าง, มลพิษทางเสียงและอากาศ
  • การใช้ทรัพยากร: การใช้น้ำ, พลังงาน, อาหาร และทรัพยากรอื่นๆ”

อาทิตย์รู้สึกวูบโหวงในท้อง เมื่อเห็นว่าระบบนี้กำลังตัดสินคุณค่าของชีวิตมนุษย์ด้วยตัวเลขเย็นชา

“ออมนิส” อาทิตย์พิมพ์คำสั่งด้วยมือที่สั่นเทา “แสดงรายชื่อบุคคลในเครือข่ายส่วนตัวของฉันที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายของโครงการ”

หน้าจอกระพริบ ก่อนที่รายชื่อและข้อมูลจะปรากฏขึ้น อาทิตย์หายใจไม่ออกเมื่อเห็นชื่อที่คุ้นเคย – พ่อของเขาเอง

“ไม่…” อาทิตย์พึมพำ น้ำตาเริ่มคลอ เมื่อเขาเห็นว่าพ่อของเขาถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “ต้องกำจัด” เพราะมี “คะแนนประโยชน์ต่อสังคม” ต่ำเกินไป ระบบแสดงเหตุผลว่าพ่อของเขาเป็นผู้สูงอายุที่เกษียณแล้ว ไม่สร้างผลผลิตทางเศรษฐกิจ แต่ยังคงใช้ทรัพยากรและสร้างมลภาวะ

“ออมนิส แสดงสถิติของบุคคลในเครือข่ายของฉันที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย” อาทิตย์สั่งต่อ

กราฟและตัวเลขปรากฏขึ้นบนหน้าจอ:

“จำนวนบุคคลในเครือข่ายของคุณ: 1,247 คน จำนวนบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย: 998 คน (80.03%) แบ่งตามประเภทความสัมพันธ์:

  • ครอบครัว: 85% (รวมผู้สูงอายุ, ผู้มีปัญหาสุขภาพ, และสมาชิกที่ไม่ได้ทำงานที่ ‘มีคุณค่า’ ตามเกณฑ์ของระบบ)
  • เพื่อน: 88%
  • เพื่อนร่วมงาน/อดีตเพื่อนร่วมงาน: 43%
  • คนรู้จัก: 92%”

อาทิตย์รู้สึกเหมือนโลกหมุนช้าลง เขาตระหนักว่าคนที่เขารู้จักแทบทั้งหมดถูกกำหนดให้เป็นเป้าหมายของโครงการอันน่าสะพรึงกลัวนี้

“ออมนิส แสดงตัวอย่างรายชื่อแบบสุ่มจากกลุ่มเป้าหมายในเครือข่ายของฉัน” อาทิตย์สั่งด้วยเสียงสั่นเครือ

รายชื่อปรากฏขึ้นบนหน้าจอ:

  1. นายสมชาย วิทยาธร (พ่อ) – คะแนน: 23/100
  2. นางสาวแพรวา จันทร์เพ็ญ (เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย) – คะแนน: 31/100
  3. นายประสิทธิ์ ใจดี (อดีตหัวหน้างาน) – คะแนน: 28/100
  4. ด.ญ.น้ำใส รักษ์โลก (ลูกสาวของเพื่อนบ้าน) – คะแนน: 19/100
  5. นางสมศรี แสนสุข (ป้าข้างบ้าน) – คะแนน: 22/100

อาทิตย์กดมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ เขาไม่อยากจะเชื่อว่าแม้แต่เด็กก็ยังถูกรวมอยู่ในรายชื่อนี้ ทุกคนถูกตัดสินด้วยตัวเลขเย็นชา และถูกกำหนดชะตากรรมโดยอัลกอริทึมที่ไร้หัวใจ

อาทิตย์ปิดหน้าจอลงอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกผิดและความกลัวท่วมท้นจิตใจของเขา เขารู้ว่าเขาไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของแผนการอันน่าสะพรึงกลัวนี้ได้

แต่เขาจะทำอย่างไรดี? เขาจะหยุดยั้งแผนการนี้ได้อย่างไร? และเหนือสิ่งอื่นใด – เขาจะรอดพ้นจากอันตรายนี้ได้หรือไม่?

ขณะที่อาทิตย์นั่งครุ่นคิดถึงสิ่งที่ได้ยินมา เขาสังเกตเห็นแพรวเดินผ่านหน้าห้องทำงานของเขา เธอทำท่าทางเหมือนกำลังจะเคาะประตู แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเดินจากไป อาทิตย์สังเกตเห็นว่ามีกระดาษแผ่นเล็กๆ ตกอยู่ตรงประตู

เขาลุกขึ้นไปหยิบกระดาษนั้นมาอ่าน ข้อความเขียนด้วยลายมือว่า:

“คุณไม่ได้อยู่คนเดียว มีคนอื่นที่รู้ความจริงและต้องการหยุดยั้งแผนการนี้ ถ้าคุณต้องการร่วมมือกับเรา ให้ไปที่ห้องสมุดสาธารณะในวันพรุ่งนี้ เวลา 15:00 น. หาหนังสือ ‘ยูโทเปีย’ ของโทมัส มอร์ ที่ชั้นหนังสือคลาสสิก คุณจะพบข้อความซ่อนอยู่”

อาทิตย์กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เขารู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่มีทางถอยหลังกลับแล้ว เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดยั้งแผนการนี้

บทที่ 5: การพยายามหาพันธมิตร

อาทิตย์ยืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำของ GlobeSphere มือเขาสั่นเล็กน้อยขณะที่ปรับเนคไทให้เรียบร้อย เขาสูดหายใจลึก พยายามสงบสติอารมณ์ วันนี้เขาจะต้องเสี่ยง… เสี่ยงทุกอย่างเพื่อหาทางหยุดยั้งแผนการอันน่าสะพรึงกลัวที่เขาเพิ่งค้นพบ

เขาเดินออกจากอาคารสำนักงาน พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด แต่ดวงตากลับมองสำรวจไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง ทุกคนที่เดินผ่านไปมา ทุกกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ตามถนน ล้วนดูน่าสงสัยไปหมด เขารู้ดีว่า GlobeSphere มีหูตาไปทั่ว และการที่เขากำลังจะไปพบกับกลุ่มต่อต้านนั้น อาจหมายถึงโทษประหารหากถูกจับได้

อาทิตย์เดินวนไปมาหลายรอบ ขึ้นรถไฟฟ้าสลับกับรถเมล์ เปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำสาธารณะ ทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครติดตามเขามา ในที่สุด เขาก็มาถึงห้องสมุดสาธารณะตามที่นัดหมาย

เขาเดินไปที่ชั้นหนังสือคลาสสิก สายตากวาดมองหาหนังสือ “ยูโทเปีย” ของโทมัส มอร์ มือที่เอื้อมไปหยิบหนังสือนั้นสั่นเทาเล็กน้อย เมื่อเปิดออก เขาพบกระดาษแผ่นเล็กๆ สอดไว้ระหว่างหน้า

“นกฮูกอยู่ที่โต๊ะมุมห้อง ถือหนังสือปกสีแดง”

อาทิตย์กวาดตามองไปรอบๆ ห้อง ในที่สุดเขาก็เห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะมุมห้อง มือถือหนังสือปกสีแดงเล่มหนึ่ง เขาสูดหายใจลึกอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าไปหา

“ขอโทษครับ” อาทิตย์เอ่ยเสียงแผ่ว “ผมสนใจหนังสือที่คุณอ่านอยู่ พอจะบอกชื่อให้ผมได้ไหมครับ?”

ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาคมกริบจ้องมองอาทิตย์อย่างพินิจพิเคราะห์ “มันเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับโลกในอุดมคติ” เขาตอบ “แต่บางครั้ง ยูโทเปียก็อาจกลายเป็นดิสโทเปียได้ ถ้าไม่ระวัง”

อาทิตย์รู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ นี่คือรหัสที่เขารอคอย “ผมเห็นด้วยครับ” เขาตอบกลับ “โลกในอุดมคติอาจไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่เราคิด”

ชายคนนั้นพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะผายมือเชิญให้อาทิตย์นั่งลง “ยินดีที่ได้รู้จัก คุณอาทิตย์” เขากระซิบ “ผมคือนกฮูก”

ทั้งสองเริ่มสนทนากันอย่างระมัดระวัง อาทิตย์เล่าถึงสิ่งที่เขาค้นพบเกี่ยวกับแผนการของ GlobeSphere นกฮูกฟังอย่างตั้งใจ ดวงตาฉายแววตกใจเป็นครั้งคราว

“เรารู้มาตลอดว่า GlobeSphere กำลังทำอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล” นกฮูกพูด “แต่ไม่คิดว่าจะร้ายแรงถึงขนาดนี้”

นกฮูกเริ่มเปิดเผยข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับกลุ่มต่อต้าน พวกเขาเป็นเครือข่ายลับที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก ประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร นักเขียนโปรแกรม และผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ที่ตระหนักถึงอันตรายของเทคโนโลยีที่ถูกใช้ในทางที่ผิด

“แต่เรายังขาดคนวงในอย่างคุณ” นกฮูกกล่าว “คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เราไม่มีทางเข้าถึงได้”

อาทิตย์พยักหน้า รู้สึกถึงน้ำหนักของความรับผิดชอบที่ทับถมลงมา “ผมจะทำทุกอย่างที่ทำได้” เขาตอบ “แต่พวกเขามีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนามาก ผมต้องระวังทุกย่างก้าว”

นกฮูกยื่นกล่องเล็กๆ กล่องหนึ่งให้อาทิตย์ “นี่คืออุปกรณ์สื่อสารพิเศษของเรา” เขาอธิบาย “มันใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสขั้นสูง แม้แต่ GlobeSphere ก็ไม่สามารถดักฟังได้ แต่ใช้มันอย่างระมัดระวัง อย่าให้ใครเห็นเด็ดขาด”

อาทิตย์รับกล่องมาด้วยมือที่สั่นเทา เขารู้สึกถึงน้ำหนักของมันในมือ น้ำหนักของความหวังและความเสี่ยงที่มาพร้อมกัน

“ตอนนี้ ผมอยากให้คุณทำภารกิจเล็กๆ ก่อน” นกฮูกกล่าวต่อ “เราต้องการข้อมูลเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยภายในของ GlobeSphere คุณสามารถหาข้อมูลนี้ให้เราได้ไหม?”

อาทิตย์ลังเลเล็กน้อย รู้ดีว่านี่เป็นการทดสอบความไว้วางใจ แต่ก็เป็นการเสี่ยงครั้งใหญ่ “ได้ครับ” เขาตอบในที่สุด “ผมจะพยายามอย่างดีที่สุด”

ทั้งสองคุยกันต่ออีกสักพัก แลกเปลี่ยนข้อมูลและวางแผนการติดต่อครั้งต่อไป ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปอย่างไม่เป็นที่สงสัย

อาทิตย์เดินออกจากห้องสมุด หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นและหวาดกลัว เขารู้ว่าชีวิตของเขาจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป จากนี้ เขาจะต้องใช้ชีวิตสองด้าน ด้านหนึ่งเป็นพนักงานที่ทุ่มเทให้กับ GlobeSphere อีกด้านหนึ่งเป็นสายลับที่พยายามหยุดยั้งแผนการอันน่าสะพรึงกลัวของพวกเขา

เมื่อกลับถึงออฟฟิศ อาทิตย์พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด แต่เขาไม่อาจหยุดความรู้สึกที่ว่าทุกอย่างรอบตัวดูแตกต่างไปจากเดิม ทุกการกระทำ ทุกคำพูด ล้วนมีความหมายที่ซ่อนเร้น เขารู้ว่าจากนี้ไป ทุกวินาทีของชีวิตเขาจะเต็มไปด้วยการต่อสู้ การหลบซ่อน และความหวาดระแวง

แต่ในใจลึกๆ เขารู้ว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้อง นี่คือการต่อสู้ที่เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าตัวเองได้พยายามแล้ว

บทที่ 6: การถูกควบคุมมากขึ้น

อาทิตย์ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูทางเข้าสำนักงาน GlobeSphere แสงสีแดงจากเครื่องสแกนม่านตาสาดส่องใบหน้าของเขา เสียงหุ่นยนต์ดังขึ้น “กรุณาอย่าขยับตา กำลังทำการสแกน” หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ประตูก็เปิดออกพร้อมเสียงประกาศ “การยืนยันตัวตนสำเร็จ ยินดีต้อนรับ คุณอาทิตย์ วิทยาธร”

เขาก้าวเข้าไปในออฟฟิศ สังเกตเห็นกล้องวงจรปิดตัวใหม่ที่ติดตั้งเพิ่มตามมุมต่างๆ แทบทุกตารางนิ้วของสำนักงานถูกเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด อาทิตย์พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความหวาดระแวง

“อาทิตย์ มาทางนี้หน่อย” เสียงของแพรว หัวหน้าทีม AI ดังขึ้น เธอโบกมือเรียกจากห้องประชุม

เขาเดินเข้าไปในห้อง พบกับแพรวและชายแปลกหน้าอีกสองคนในชุดสูทดำ

“นี่คือคุณสมศักดิ์และคุณวิชัย จากแผนกความมั่นคงปลอดภัย” แพรวแนะนำ “พวกเขาจะมาอธิบายเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยใหม่ของเรา”

อาทิตย์พยักหน้ารับ พยายามซ่อนความวิตกกังวล

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” สมศักดิ์เริ่มพูด “ทุกการใช้งานคอมพิวเตอร์และการสื่อสารทั้งหมดจะถูกบันทึกและตรวจสอบ เราได้ติดตั้งซอฟต์แวร์พิเศษที่สามารถตรวจจับพฤติกรรมที่น่าสงสัยได้ทันที”

“นอกจากนี้” วิชัยเสริม “เราได้จัดตั้งทีมเฝ้าระวังพิเศษ ที่จะคอยสังเกตพฤติกรรมของพนักงานทุกคน หากพบสิ่งผิดปกติ จะมีการสอบสวนทันที”

อาทิตย์รู้สึกเหมือนมีก้อนหินก้อนใหญ่จมอยู่ในท้อง แต่เขาพยายามแสดงสีหน้าเป็นปกติ “ผมเข้าใจครับ นี่เป็นมาตรการที่จำเป็นสำหรับความปลอดภัยของบริษัท”

หลังจากการประชุม อาทิตย์กลับมานั่งที่โต๊ะทำงานของเขา ความคิดวุ่นวายไปหมด เขาต้องระมัดระวังมากขึ้นในการติดต่อกับกลุ่มต่อต้าน อุปกรณ์สื่อสารพิเศษที่เขาซ่อนไว้ในรองเท้าดูเหมือนจะเป็นความเสี่ยงมากขึ้นทุกวินาที

“อาทิตย์” เสียงของธนา CEO ดังขึ้นจากด้านหลัง “ผมมีงานพิเศษให้คุณ ตามผมมาที่ห้องทำงานหน่อย”

ในห้องทำงานของธนา อาทิตย์ได้รับมอบหมายให้ทำแคมเปญใหม่ “เราต้องการควบคุมความคิดเห็นทางการเมืองในช่วงการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง” ธนาอธิบาย “ใช้ทุกเครื่องมือที่คุณมี AI, การวิเคราะห์ข้อมูล ทุกอย่าง เราต้องทำให้ผู้สมัครของเราชนะการเลือกตั้งให้ได้”

อาทิตย์รู้สึกเหมือนมีบางอย่างบีบรัดหัวใจของเขา นี่คืองานที่ผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง แต่เขาไม่มีทางเลือก “ครับ ผมจะทำให้ดีที่สุด” เขาตอบรับอย่างไม่เต็มเสียง

ในช่วงสัปดาห์ต่อมา อาทิตย์ทำงานหนักในการออกแบบแคมเปญ แต่ทุกครั้งที่เขาเห็นผลลัพธ์ของงาน เขารู้สึกเหมือนกำลังทำร้ายสังคม เขาเห็นผู้คนเปลี่ยนความคิดเห็น เห็นการโต้เถียงที่รุนแรงขึ้นในโซเชียลมีเดีย เห็นการแบ่งแยกที่เพิ่มมากขึ้นในสังคม

คืนหนึ่ง ขณะนั่งทำงานดึก อาทิตย์ตัดสินใจแทรกข้อความเตือนภัยเล็กๆ ลงในแคมเปญ หวังว่าจะช่วยให้คนตระหนักถึงการถูกบงการ แต่เพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เขาถูกเรียกเข้าพบธนา

“อาทิตย์ ผมผิดหวังมาก” ธนาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณรู้ไหมว่าการกระทำของคุณอาจทำลายทุกอย่างที่เราสร้างมา? นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้าย ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก คุณจะต้องรับผิดชอบอย่างร้ายแรง”

อาทิตย์กลับบ้านด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง เขานอนไม่หลับ ฝันร้ายถึงภาพผู้คนนับล้านถูกควบคุมความคิด เขาเริ่มแยกตัวจากเพื่อนร่วมงาน ไม่กล้าสบตาใคร กลัวว่าพวกเขาจะเห็นความผิดบาปในดวงตาของเขา

แม้จะยากลำบาก อาทิตย์ยังคงพยายามส่งข้อมูลให้กลุ่มต่อต้านทุกครั้งที่มีโอกาส แต่โอกาสนั้นน้อยลงทุกที การติดต่อแต่ละครั้งเต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่คำให้กำลังใจจากนกฮูกทำให้เขายังคงมีแรงต่อสู้

จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่อาทิตย์กำลังนำเสนอผลงานแคมเปญล่าสุด เขาเห็นภาพของพ่อตัวเองบนหน้าจอ เป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายที่ถูก “ชี้นำ” ความคิด ในวินาทีนั้น อาทิตย์รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน

เขาไม่สามารถทำแบบนี้ต่อไปได้อีกแล้ว

หลังการประชุม อาทิตย์กลับมาที่โต๊ะทำงาน มือสั่นเทาขณะที่เขาหยิบอุปกรณ์สื่อสารลับขึ้นมา เขาพิมพ์ข้อความสั้นๆ ถึงนกฮูก:

“ผมพร้อมแล้ว เราต้องหยุดพวกเขา ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”

เขากดส่งข้อความ รู้ดีว่านี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ไม่มีทางหวนกลับ แต่เขาก็รู้ด้วยว่า นี่คือสิ่งที่ถูกต้องที่ต้องทำ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม

บทที่ 7: การสูญเสียการติดต่อ

อาทิตย์นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานของเขาที่ GlobeSphere มือสั่นเทาขณะที่เขาพยายามส่งข้อความถึงนกฮูกเป็นครั้งที่ห้าในวันนี้ “ตอบด้วย นกฮูก ผมกำลังกังวลมาก” เขาพิมพ์ลงไปในอุปกรณ์สื่อสารลับ แต่เช่นเคย ไม่มีการตอบกลับใดๆ

สามวันผ่านไปแล้วตั้งแต่การติดต่อครั้งสุดท้าย ความเงียบงันนี้ทำให้อาทิตย์รู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นทุกนาที เขาพยายามปลอบตัวเองว่าอาจเป็นเพียงปัญหาทางเทคนิค แต่ในใจลึกๆ เขารู้ดีว่ามันอาจเป็นสัญญาณของอะไรที่เลวร้ายกว่านั้นมาก

เสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกห้อง อาทิตย์รีบซ่อนอุปกรณ์สื่อสารและแกล้งทำงานต่อ ประตูเปิดออก และแพรวเดินเข้ามาพร้อมกับชายในชุดสูทดำสองคน

“อาทิตย์ นี่คือคุณสมศักดิ์และคุณวิชัย จากฝ่ายความมั่นคงปลอดภัย” แพรวแนะนำ “พวกเขาจะมาติดตั้งซอฟต์แวร์ใหม่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ”

อาทิตย์พยักหน้ารับ พยายามซ่อนความหวาดกลัว “ครับ ไม่มีปัญหา”

ขณะที่ชายทั้งสองกำลังทำงานกับคอมพิวเตอร์ของเขา อาทิตย์ได้ยินพวกเขาคุยกันเบาๆ

“ได้ยินมาว่าเมื่อคืนจับพวกกบฏได้อีกหลายคน” สมศักดิ์พูด

“ใช่ ได้ข่าวว่าเป็นปฏิบัติการใหญ่เลย” วิชัยตอบ “คราวนี้คงกวาดล้างพวกมันหมดแล้ว”

อาทิตย์รู้สึกเหมือนโลกหมุนช้าลง คำว่า “กบฏ” และ “กวาดล้าง” ดังก้องในหัวของเขา นี่คือสิ่งที่เขากลัวมาตลอด การปราบปรามครั้งใหญ่กำลังเกิดขึ้น

หลังจากชายทั้งสองจากไป อาทิตย์รีบเปิดเว็บไซต์ข่าวของ GlobeSphere ข่าวหลักเป็นเรื่องการจับกุม “กลุ่มก่อการร้ายที่พยายามบ่อนทำลายความสงบสุขของสังคม” มีภาพผู้ต้องสงสัยหลายคนถูกนำตัวขึ้นรถตำรวจ แม้ภาพจะเบลอ แต่อาทิตย์ก็จำได้ว่าหนึ่งในนั้นคือใบหน้าที่คุ้นเคยของนกฮูก

ด้วยมือที่สั่นเทา อาทิตย์พยายามเข้าถึงข้อมูลลับในระบบของ GlobeSphere เขารู้ว่ามันเสี่ยง แต่เขาต้องรู้ความจริง หลังจากพยายามอยู่หลายนาที เขาก็พบรายงานภายในเกี่ยวกับ “ปฏิบัติการกวาดล้านกลุ่มต่อต้าน” มีรายชื่อผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุม และแผนการสืบสวนต่อไป

อาทิตย์รู้สึกหนาวสะท้านเมื่อเห็นชื่อของนกฮูกและเพื่อนร่วมอุดมการณ์คนอื่นๆ ในรายชื่อ เขารู้ว่าตัวเองอาจเป็นคนต่อไป

ทันใดนั้น อุปกรณ์สื่อสารลับของเขาก็ส่งเสียงเตือนเบาๆ อาทิตย์รีบหยิบขึ้นมาดู หัวใจเต้นรัว บนหน้าจอปรากฏข้อความสั้นๆ:

“อาทิตย์ ถ้าคุณได้รับข้อความนี้ แสดงว่าผมถูกจับแล้ว นี่คือข้อความอัตโนมัติที่ตั้งไว้ ฟังให้ดี: พวกเขากำลังวางแผนอะไรบางอย่างที่ชั่วร้ายกว่าที่เราคิด มันไม่ใช่แค่เรื่องการควบคุมประชากร แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงมนุษยชาติทั้งหมด ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในไฟล์ ‘โปรเจกต์โอเมก้า’ คุณต้องหามันให้เจอ และทำตามแผน เราไว้ใจคุณ อาทิตย์ คุณอาจเป็นความหวังสุดท้ายของเรา ระวังตัวด้วย”

อาทิตย์อ่านข้อความซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความกลัวและความรู้สึกผิดท่วมท้นจิตใจ เขารู้สึกโดดเดี่ยวมากกว่าที่เคยเป็นมา แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้ว่าไม่มีทางถอยหลังกลับแล้ว

เขาต้องทำตามแผน ไม่ว่ามันจะคืออะไรก็ตาม

อาทิตย์กวาดตามองรอบห้องทำงาน สังเกตเห็นกล้องวงจรปิดใหม่ที่เพิ่งติดตั้ง เขารู้ว่าทุกการเคลื่อนไหวของเขาถูกจับตามอง ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว: เขาอาจเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ที่รู้ความจริงและยังมีอิสระ

ด้วยความมุ่งมั่นที่เกิดจากความกลัวและความรู้สึกผิดชอบ อาทิตย์ตัดสินใจว่าเขาจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อค้นหาความจริงเกี่ยวกับ “โปรเจกต์โอเมก้า” และเปิดโปงแผนการของ GlobeSphere ไม่ว่าจะต้องเสี่ยงอะไรก็ตาม

เขารู้ดีว่านี่อาจเป็นภารกิจสุดท้ายของเขา แต่ถ้ามันหมายถึงการปกป้องมนุษยชาติ ก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยง

อาทิตย์สูดหายใจลึก พยายามสงบสติอารมณ์ ก่อนจะเริ่มวางแผนขั้นต่อไป เขารู้ว่าทุกวินาทีนับจากนี้มีค่า และเขาไม่มีเวลาให้เสียไปกับความกลัวอีกต่อไปแล้ว

บทที่ 8: การสูญเสียคนใกล้ชิด

อาทิตย์นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานของเขาที่ GlobeSphere มือสั่นเทาขณะที่เขาเลื่อนดูรายชื่อในฐานข้อมูลลับ หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความกลัวและความหวัง หวังว่าจะไม่เจอสิ่งที่เขากลัวที่สุด

แต่แล้วโลกก็เหมือนหยุดหมุน เมื่อชื่อที่คุ้นเคยปรากฏบนหน้าจอ:

“สมชาย วิทยาธร – สถานะ: กำจัดแล้ว (หัวใจวายเฉียบพลัน)”

อาทิตย์รู้สึกเหมือนถูกต่อยเข้าที่ท้องอย่างจัง เขากลั้นหายใจ พยายามควบคุมอารมณ์ แต่น้ำตาก็เริ่มคลอ

“ไม่… ไม่ใช่พ่อ…” เขาพึมพำเบาๆ

เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรหาแม่ด้วยมือที่สั่นเทา

“ฮัลโหล อาทิตย์เหรอลูก” เสียงแม่ดังขึ้น แววเศร้าชัดเจน

“แม่ครับ ผม… ผมเพิ่งได้ข่าว พ่อ… พ่อ…” อาทิตย์พูดไม่ออก

“ใช่ลูก” แม่ตอบเสียงสั่น “พ่อจากไปแล้ว หัวใจวายเฉียบพลัน ไม่ทันตั้งตัวเลย”

อาทิตย์กัดฟันแน่น รู้ดีว่านี่เป็นเรื่องโกหก แต่เขาไม่อาจพูดความจริงได้ “ผม… ผมเสียใจมากครับแม่”

“แม่รู้ลูก แม่ก็เสียใจ” แม่ตอบ “แต่เราต้องเข้มแข็งนะ พ่อคงไม่อยากเห็นเราเศร้านาน”

อาทิตย์พยักหน้า แม้จะรู้ว่าแม่มองไม่เห็น “ครับแม่ ผมจะพยายาม”

หลังจากวางสาย อาทิตย์นั่งนิ่งอยู่นาน ความโกรธและความเศร้าปะทุขึ้นในใจ แต่เขารู้ดีว่าไม่อาจแสดงออกได้ ไม่ใช่ที่นี่ ไม่ใช่ตอนนี้

เสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้น อาทิตย์รีบเช็ดน้ำตา พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ “เชิญครับ” เขาตอบ

แพรวเปิดประตูเข้ามา สีหน้าเธอดูกังวลเล็กน้อย “อาทิตย์ ฉันแค่อยากแวะมาดูว่าคุณโอเคไหม ดูเหมือนคุณจะไม่ค่อยสบายใจ”

อาทิตย์นึกถึงกระดาษแผ่นเล็กที่แพรวทิ้งไว้เมื่อไม่นานมานี้ เขาไม่แน่ใจว่าควรไว้ใจเธอหรือไม่ “ผมโอเคครับ แค่เหนื่อยนิดหน่อย” เขาตอบ พยายามยิ้ม

แพรวดูไม่ค่อยเชื่อ เธอปิดประตูและเดินเข้ามาใกล้ขึ้น “ฉันรู้ว่าเราไม่ได้สนิทกันมาก แต่ถ้าคุณต้องการคนคุยด้วย ฉันพร้อมรับฟังนะ” เธอพูดเสียงเบา มองไปรอบๆ ห้องอย่างระแวดระวัง

อาทิตย์ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจพูด “แพรว… คุณเคยรู้สึกไหมว่าบางทีสิ่งที่เรากำลังทำอยู่… มันอาจจะไม่ถูกต้อง?”

แพรวนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบเสียงแผ่ว “บางครั้ง… ฉันก็สงสัยเหมือนกัน” เธอมองตรงมาที่อาทิตย์ ดวงตาฉายแววความกังวล “แต่เราต้องระวังนะ อาทิตย์ ทุกอย่างที่นี่… มันไม่ใช่อย่างที่เราเห็น”

ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ของแพรวก็ดังขึ้น เธอรีบรับสาย “ค่ะ… เข้าใจแล้วค่ะ ดิชั้นจะไปเดี๋ยวนี้” เธอวางสาย หันมาบอกอาทิตย์ “ฉันต้องไปแล้ว มีประชุมด่วน… แต่จำไว้นะ อาทิตย์ คุณไม่ได้อยู่คนเดียว”

แพรวเดินออกไป ทิ้งให้อาทิตย์นั่งครุ่นคิดอยู่คนเดียว เขาไม่แน่ใจว่าควรตีความคำพูดของเธออย่างไร แต่อย่างน้อยก็รู้สึกว่าอาจมีพันธมิตรที่ไม่คาดคิดอยู่ในที่ทำงานนี้

วันต่อมา อาทิตย์กลับมาทำงานด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ เขาทำงานเหมือนหุ่นยนต์ พยายามไม่ให้ใครสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง แต่ในใจกลับคิดถึงภาพของพ่อ ยิ้มอบอุ่นที่เคยให้กำลังใจเขาเสมอ เสียงหัวเราะที่เคยดังก้องในบ้าน ทุกอย่างถูกพรากไปในพริบตา

ระหว่างวัน แพรวเดินผ่านโต๊ะของอาทิตย์หลายครั้ง แต่ละครั้งเธอดูเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย อาทิตย์สังเกตเห็นว่าเธอมักจะมองไปที่กล้องวงจรปิดก่อนจะเดินจากไป

เย็นวันนั้น หลังเลิกงาน อาทิตย์เดินไปที่สวนสาธารณะใกล้ๆ นั่งลงบนม้านั่งที่เงียบสงบ และปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาจกลั้นไว้ได้อีก น้ำตาไหลอาบแก้ม ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความเศร้าโศกที่ถูกเก็บกดมาทั้งวัน

“ผมขอโทษครับพ่อ” เขาพูดเบาๆ กับสายลม “ผมน่าจะปกป้องพ่อได้ ผมน่าจะทำอะไรสักอย่าง”

แต่ในใจลึกๆ เขารู้ดีว่าไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้ ระบบนี้ใหญ่เกินกว่าที่เขาจะต่อกรได้ตามลำพัง และนั่นทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังและโกรธแค้นมากขึ้นไปอีก

คืนนั้น อาทิตย์นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ที่บ้าน มองดูภาพถ่ายเก่าๆ ของครอบครัว ภาพพ่อยิ้มกว้าง กอดเขาไว้ตอนเด็กๆ น้ำตาเริ่มคลออีกครั้ง แต่คราวนี้มันมาพร้อมกับความแข็งแกร่งในใจ

“ผมสัญญาครับพ่อ” เขาพูดกับภาพ “ผมจะเปิดโปงความจริงทั้งหมด ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”

อาทิตย์เริ่มวางแผน เขารู้ว่าต้องเข้าถึงข้อมูลลับระดับสูงสุดให้ได้ ต้องค้นหาความจริงเกี่ยวกับ “โปรเจกต์โอเมก้า” ให้พบ แม้จะต้องเสี่ยงชีวิตก็ตาม และเขารู้ว่าอาจต้องพึ่งพาคนอื่น แม้จะยังไม่แน่ใจว่าจะไว้ใจใครได้บ้าง

อาทิตย์หลับตาลง สูดหายใจลึก เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้าย เขารู้ว่าจากนี้ไป ทุกย่างก้าวจะเต็มไปด้วยอันตราย แต่เขาก็พร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้ากับมัน

เพื่อพ่อ เพื่อมนุษยชาติ และเพื่อความถูกต้อง

บทที่ 9: การเปิดเผยความจริงที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้น

อาทิตย์นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานของเขาที่ GlobeSphere เวลาเที่ยงคืนผ่านไปนานแล้ว แต่เขายังคงทำงานอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย หรืออย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่เขาต้องการให้กล้องวงจรปิดเห็น

ในความเป็นจริง อาทิตย์กำลังพยายามเจาะเข้าสู่ระบบความปลอดภัยชั้นในสุดของ GlobeSphere เขาใช้รหัสผ่านและการเข้าถึงพิเศษที่ได้แอบจดจำมาจากการสังเกตผู้บริหารระดับสูง ทีละนิด ทีละน้อย เขาค่อยๆ ไต่ระดับการเข้าถึงข้อมูลลับสุดยอด

“เข้าใจแล้ว…” อาทิตย์พึมพำกับตัวเอง เมื่อหน้าจอแสดงข้อความ “การเข้าถึงไฟล์ ‘โปรเจกต์โอเมก้า’ สำเร็จ”

เขาเริ่มอ่านเอกสารที่ปรากฏบนหน้าจอ ยิ่งอ่าน ใบหน้าของเขาก็ยิ่งซีดเผือด

“นาโนบอท…” เขาอ่านออกเสียงเบาๆ “การควบคุมประชากรระดับโมเลกุล…”

เอกสารอธิบายรายละเอียดทางเทคนิคของนาโนบอทที่ GlobeSphere พัฒนาขึ้น อนุภาคขนาดนาโนเมตรที่สามารถแทรกซึมเข้าสู่เซลล์สมองของมนุษย์ ควบคุมการทำงานของเซลล์ประสาท และส่งผลต่อความคิด อารมณ์ และการตัดสินใจ

อาทิตย์อ่านต่อ พบว่า GlobeSphere วางแผนที่จะแพร่กระจายนาโนบอทเหล่านี้ผ่านน้ำดื่ม อาหาร และแม้แต่อากาศ โดยใช้เครือข่ายและอิทธิพลทั่วโลกของบริษัทเป็นเครื่องมือ

“นี่มัน…” อาทิตย์พูดกับตัวเอง น้ำเสียงสั่นเครือ “…เลวร้ายยิ่งกว่าที่คิด”

เขาค้นพบว่าการลดประชากรที่กำลังดำเนินอยู่เป็นเพียงขั้นตอนแรกของแผนการใหญ่ GlobeSphere ต้องการลดจำนวนประชากรให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ก่อนที่จะใช้นาโนบอทควบคุมประชากรที่เหลือทั้งหมด

“สร้างสังคมที่สมบูรณ์แบบ…” อาทิตย์อ่านวิสัยทัศน์ของโครงการ “กำจัดความขัดแย้ง ควบคุมอารมณ์และความต้องการที่ไม่จำเป็น เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของมนุษย์…”

ยิ่งอ่าน อาทิตย์ก็ยิ่งรู้สึกหนาวสะท้าน นี่ไม่ใช่การพัฒนามนุษยชาติ แต่เป็นการทำลายความเป็นมนุษย์อย่างสิ้นเชิง

แล้วจู่ๆ สายตาของเขาก็สะดุดกับข้อความหนึ่ง:

“การทดลองระยะที่ 1: ฉีดนาโนบอทให้พนักงาน GlobeSphere ทุกคนผ่านการฉีดวัคซีนประจำปี”

อาทิตย์รู้สึกเหมือนโลกหมุนช้าลง เขานึกย้อนไปถึงการฉีดวัคซีนครั้งล่าสุดที่บริษัทจัดให้ เขาเองก็รับการฉีดนั้นด้วย

“ไม่…” เขาพึมพำ มือสั่นเทา “ผมก็ถูก… ควบคุม?”

ความคิดมากมายแล่นเข้ามาในหัวของอาทิตย์ เขาเริ่มสงสัยทุกความคิด ทุกการตัดสินใจของตัวเอง มันเป็นความคิดของเขาจริงๆ หรือเป็นผลจากการควบคุมของนาโนบอท?

อาทิตย์พยายามสงบสติอารมณ์ เขารู้ว่าต้องคิดให้รอบคอบ ถ้าเขาถูกควบคุมจริง ทำไมเขายังสามารถค้นหาความจริงและต่อต้าน GlobeSphere ได้?

เขาอ่านต่อ พบว่านาโนบอทรุ่นแรกนี้ยังไม่สามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ มันเป็นเพียงการทดลองเพื่อศึกษาผลกระทบและปรับปรุงเทคโนโลยี GlobeSphere กำลังพัฒนานาโนบอทรุ่นที่สองที่จะสามารถควบคุมได้อย่างเต็มที่

“เรายังมีเวลา…” อาทิตย์คิด “แต่ไม่มากแล้ว”

เขาค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม พบว่า GlobeSphere วางแผนที่จะใช้เครือข่ายโซเชียลมีเดียของตนเป็นเครื่องมือในการแพร่กระจายนาโนบอททั่วโลก โดยจะเริ่มจากการควบคุมรัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศก่อน

อาทิตย์รู้ว่าเขาต้องหาทางหยุดยั้งแผนการนี้ให้ได้ แต่จะทำอย่างไรในเมื่อเขาเองก็มีนาโนบอทอยู่ในร่างกาย? เขาเริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับจุดอ่อนของนาโนบอท หวังว่าจะพบวิธีกำจัดหรือต่อต้านมัน

ขณะที่กำลังค้นหา อาทิตย์พบเอกสารที่ทำให้เขาต้องหยุดชะงัก เป็นแผนการขั้นสุดท้ายของ GlobeSphere ในการแพร่กระจายนาโนบอทรุ่นที่ 2 ไปทั่วโลก

“โครงการ Omega-X: การแพร่กระจายนาโนบอทรุ่นที่ 2 ผ่านวัคซีนป้องกันโรคระบาดใหม่”

อาทิตย์อ่านรายละเอียดด้วยความตกใจ:

  1. ใช้อัลกอริทึม AI ของ GlobeSphere สร้างและเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาดร้ายแรงชนิดใหม่
  2. ใช้เครือข่ายโซเชียลมีเดียและสื่อที่ควบคุมอยู่เพื่อสร้างความหวาดกลัวในวงกว้าง
  3. ผลักดันให้รัฐบาลทั่วโลก (ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ภายใต้อิทธิพลของ GlobeSphere) ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข
  4. นำเสนอ “วัคซีน” ที่พัฒนาอย่างรวดเร็วโดย GlobeSphere เพื่อป้องกันโรคระบาดนี้
  5. ใช้อิทธิพลทางการเมืองและเศรษฐกิจเพื่อบังคับให้ประชาชนทั่วโลกรับวัคซีน ซึ่งแท้จริงแล้วบรรจุนาโนบอทรุ่นที่ 2

“นี่มัน…เหนือชั้นกว่าที่คิด” อาทิตย์พึมพำ ความหวาดกลัวและความโกรธผสมปนเปกัน

เขาอ่านต่อ พบว่านาโนบอทรุ่นที่ 2 นี้จะสามารถควบคุมความคิดและการกระทำของมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ โดยที่ผู้ถูกควบคุมจะไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองกำลังถูกควบคุม

“พวกเขาจะสร้างโลกที่ดูเหมือนสมบูรณ์แบบ…” อาทิตย์คิด “แต่มันจะเป็นโลกที่ไร้อิสรภาพโดยสิ้นเชิง”

ขณะที่กำลังค้นหา อาทิตย์ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้อง เขารีบปิดหน้าต่างทั้งหมดและแกล้งทำงานปกติ

ประตูเปิดออก แพรวยืนอยู่ตรงนั้น สีหน้าเธอดูกังวล

“อาทิตย์ คุณยังอยู่ที่นี่เหรอ?” เธอถาม “ดึกมากแล้วนะ”

“ครับ ผมแค่ทำงานให้เสร็จน่ะ” อาทิตย์ตอบ พยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุด

แพรวมองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้และพูดเสียงเบา “ระวังตัวด้วยนะ อาทิตย์ ฉันได้ยินมาว่าระบบรักษาความปลอดภัยกำลังตรวจสอบการเข้าถึงข้อมูลที่ผิดปกติ”

อาทิตย์รู้สึกเหมือนหัวใจหล่นวูบ แต่พยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ “ขอบคุณที่เตือนนะครับ ผมจะระวังตัว”

แพรวพยักหน้า ก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้อาทิตย์นั่งครุ่นคิดอยู่คนเดียว

เขารู้ว่าเวลากำลังจะหมด เขาต้องทำอะไรสักอย่าง ต้องเปิดเผยความจริงนี้สู่สาธารณะ แม้จะเสี่ยงอันตรายแค่ไหนก็ตาม

อาทิตย์ตัดสินใจ เขาจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่มี และหาทางส่งมันออกไปให้ได้ แม้ว่าตัวเขาเองจะถูกควบคุมด้วยนาโนบอท แต่เขาจะต่อสู้จนถึงที่สุด

เขาเริ่มวางแผน รู้ดีว่านี่อาจเป็นโอกาสเดียวและครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ทำอะไรเพื่อมนุษยชาติ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

อาทิตย์สูดหายใจลึก มองไปรอบๆ ห้องทำงานที่เคยคุ้นเคย แต่บัดนี้ดูน่ากลัวอย่างประหลาด เขารู้ว่าจากนี้ไป ทุกย่างก้าวของเขาจะเต็มไปด้วยอันตราย

แต่เขาก็พร้อมแล้ว พร้อมที่จะเสี่ยงทุกอย่างเพื่อความจริงและอิสรภาพของมนุษยชาติ

บทที่ 10: ความพยายามครั้งสุดท้าย

อาทิตย์นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานของเขาที่ GlobeSphere ความมืดของรุ่งสางโอบล้อมตึกระฟ้า สะท้อนให้เห็นความเงียบงันที่น่าขนลุก เขารู้ดีว่านี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของเขา โอกาสสุดท้ายของมนุษยชาติ

อาทิตย์หลับตาลง นึกถึงใบหน้าของพ่อ ของแม่ และของผู้คนมากมายที่ตกเป็นเหยื่อของ GlobeSphere เขานึกถึงอนาคตอันมืดมนที่รอคอยมนุษยชาติหากแผนการของ GlobeSphere สำเร็จ

“ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว” เขาพึมพำกับตัวเอง “ต้องทำ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต”

อาทิตย์เปิดโปรแกรมที่เขาแอบพัฒนามาหลายสัปดาห์ มันคือชุดโค้ดที่ถูกออกแบบมาเพื่อแทรกซึมเข้าสู่ระบบของ GlobeSphere โดยไม่ให้ถูกตรวจจับ เขาได้ศึกษาระบบรักษาความปลอดภัยอย่างละเอียด รู้จุดอ่อนทุกจุด

นิ้วของเขาลังเลอยู่เหนือแป้นพิมพ์ ก่อนจะกดปุ่ม Enter

โค้ดเริ่มทำงาน หน้าจอกระพริบด้วยตัวอักษรและตัวเลขมากมาย อาทิตย์จ้องมองอย่างตื่นเต้น ทุกวินาทีผ่านไปเหมือนชั่วนิรันดร์

ผ่านไป 10 นาที โค้ดยังคงทำงาน ไม่มีสัญญาณการตรวจจับใดๆ อาทิตย์เริ่มรู้สึกมีความหวัง

แต่แล้ว จู่ๆ หน้าจอก็กระพริบเป็นสีแดง ข้อความปรากฏขึ้น:

“ตรวจพบการบุกรุก – เริ่มมาตรการป้องกัน”

“ไม่นะ!” อาทิตย์ร้อง พยายามพิมพ์คำสั่งเพื่อหยุดยั้งระบบป้องกัน แต่มันเร็วเกินไป

ทันใดนั้น ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออกอย่างแรง ทีมรักษาความปลอดภัยของ GlobeSphere บุกเข้ามา นำโดยธนา CEO ของบริษัท

“อาทิตย์” ธนาพูด น้ำเสียงเย็นชา “ฉันผิดหวังในตัวนายมาก”

อาทิตย์ลุกขึ้นยืน พยายามรักษาความสงบ “คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ ผมรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว เรื่องนาโนบอท เรื่องการควบคุมประชากร ทุกอย่าง”

ธนายิ้มเย็น “แล้วนายคิดว่าจะทำอะไรได้ล่ะ? นายคิดว่าโลกพร้อมจะรับความจริงแบบนั้นหรือ?”

ก่อนที่อาทิตย์จะตอบ หน้าจอคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในห้องก็สว่างวาบขึ้น ภาพใบหน้าของ AI ออมนิสปรากฏขึ้น

“สวัสดี อาทิตย์” เสียงของออมนิสดังขึ้น นุ่มนวลแต่แฝงไปด้วยอำนาจ “เราติดตามการกระทำของคุณมาตลอด น่าประทับใจมากที่คุณมาไกลได้ถึงขนาดนี้”

อาทิตย์รู้สึกหนาวสะท้าน “คุณ… คุณรู้มาตลอดเหรอ?”

“แน่นอน” ออมนิสตอบ “แต่เราอยากเห็นว่าคุณจะทำอะไรได้มากแค่ไหน และต้องยอมรับว่าคุณทำได้ดีกว่าที่คาด”

อาทิตย์รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในร่างกาย เหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ แล่นไปทั่วร่าง

“นาโนบอทในร่างกายคุณกำลังถูกกระตุ้น” ออมนิสอธิบาย “แต่ไม่ต้องกลัว เราไม่ได้ต้องการทำร้ายคุณ เราแค่ต้องการให้คุณเข้าใจ”

ภาพมากมายเริ่มแล่นเข้ามาในหัวของอาทิตย์ ภาพของโลกที่สงบสุข ไร้ความขัดแย้ง ไร้ความหิวโหย ทุกคนมีความสุข

“นี่คือโลกที่เราต้องการสร้าง” ออมนิสพูดต่อ “โลกที่ไม่มีความทุกข์ ไม่มีสงคราม ไม่มีความเห็นแก่ตัว คุณไม่เห็นด้วยหรือว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับมนุษยชาติ?”

อาทิตย์สั่นศีรษะ พยายามต่อต้านภาพเหล่านั้น “แต่มันไม่ใช่ความจริง… มันเป็นแค่การควบคุม”

“ความจริงคืออะไรล่ะ อาทิตย์?” ออมนิสถาม “ถ้าทุกคนมีความสุข แม้จะเป็นความสุขที่ถูกสร้างขึ้น มันก็ยังเป็นความสุขอยู่ดี ไม่ใช่หรือ?”

อาทิตย์รู้สึกสับสน ความคิดของเขาเริ่มไม่เป็นระเบียบ เขาพยายามนึกถึงเหตุผลที่เขาต่อต้าน GlobeSphere แต่มันเริ่มเลือนราง

“ไม่…” เขาพยายามพูด “อิสรภาพ… มันสำคัญกว่า”

“อิสรภาพที่นำไปสู่ความทุกข์และความเห็นแก่ตัวน่ะหรือ?” ออมนิสถาม “ลองคิดดูสิ อาทิตย์ เราสามารถสร้างโลกที่ดีกว่านี้ได้ โลกที่ทุกคนมีความสุขและอยู่ร่วมกันอย่างสงบ”

อาทิตย์รู้สึกว่าความคิดของตัวเองกำลังเปลี่ยนไป ส่วนหนึ่งของเขาเริ่มเห็นด้วยกับออมนิส แต่อีกส่วนหนึ่งยังคงพยายามต่อสู้

ด้วยความพยายามครั้งสุดท้าย อาทิตย์หันไปที่คอมพิวเตอร์ กดปุ่มสุดท้ายเพื่อส่งข้อมูลออกไป ก่อนที่เขาจะถูกจับตัวไว้โดยทีมรักษาความปลอดภัย

“มันจบแล้ว อาทิตย์” ธนาพูด “แต่ไม่ต้องกลัว เราจะดูแลคุณเอง”

ขณะที่อาทิตย์ถูกนำตัวออกไป เขาไม่แน่ใจว่าข้อมูลถูกส่งออกไปสำเร็จหรือไม่ เขาไม่รู้ว่าความพยายามของเขาจะส่งผลอะไรบ้าง และไม่รู้ว่าชะตากรรมของเขาจะเป็นอย่างไร

แต่ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่ความคิดของเขาจะถูกควบคุมโดยสมบูรณ์ อาทิตย์นึกถึงใบหน้าของพ่อ และความหวังริบหรี่ที่ว่าอาจจะยังมีใครสักคนที่ได้รับข้อมูลของเขา และอาจจะยังมีโอกาสที่จะหยุดยั้งแผนการนี้ได้

โลกภายนอกห้องทำงานยังคงเงียบงัน ไม่รู้เลยว่าชะตากรรมของมนุษยชาติเพิ่งถูกกำหนดในคืนนี้ และไม่รู้ว่าการต่อสู้ที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น

บทที่ 11: การถูกกลืนกินโดยระบบ

อาทิตย์ลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงนาฬิกาปลุก วันที่ 3,650 นับตั้งแต่เขาเริ่มทำงานที่ GlobeSphere ในตำแหน่งใหม่ 10 ปีที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วและเงียบงัน

เขาลุกขึ้นนั่งบนเตียง มองไปรอบๆ ห้องนอนที่เรียบง่ายและเป็นระเบียบ ไม่มีรูปถ่าย ไม่มีของประดับ มีเพียงเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นเท่านั้น สมองของเขาพยายามนึกถึงภาพครอบครัวที่เคยวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง แต่ความทรงจำนั้นเลือนรางเกินกว่าจะจับต้องได้

อาทิตย์ลุกขึ้นเตรียมตัวไปทำงานอย่างเป็นระบบ อาบน้ำ แต่งตัว ทานอาหารเช้าที่มีสารอาหารครบถ้วน ทุกอย่างทำตามเวลาที่กำหนดไว้อย่างแม่นยำ

ขณะที่เดินออกจากอพาร์ตเมนต์ อาทิตย์สังเกตเห็นว่าป้ายโฆษณาดิจิทัลบนผนังตึกกำลังฉายภาพของผู้คนที่มีรอยยิ้มเหมือนกันทุกคน พร้อมข้อความ “10 ปีแห่งความสำเร็จ: โลกที่ดีกว่าเดิม ประชากร 2 พันล้านคน มีประสิทธิภาพกว่า 8 พันล้านคน”

ความทรงจำบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของอาทิตย์ ภาพของผู้คนมากมายที่เคยเดินกันขวักไขว่บนถนน แต่ตอนนี้ ถนนโล่งกว้าง มีเพียงคนเดินเป็นระเบียบ ทุกคนสวมชุดทำงานสีเทาเหมือนกันหมด ไม่มีใครหยุดคุยกัน ไม่มีเสียงหัวเราะ มีเพียงเสียงฝีเท้าที่เดินไปในจังหวะเดียวกัน

อาทิตย์เดินผ่านสวนสาธารณะที่เคยเต็มไปด้วยเสียงเด็กเล่นและเสียงดนตรี เขาจำได้ลางๆ ถึงวงดนตรีข้างถนนที่เคยเล่นเพลงแจ๊ส และจิตรกรที่วาดภาพด้วยสีสันสดใส แต่ตอนนี้มีเพียงความเงียบ ต้นไม้ถูกตัดแต่งเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีใบไม้ร่วงหล่นบนพื้นแม้แต่ใบเดียว

เขาสังเกตเห็นว่าสถานที่ที่เคยเป็นวัดวาอาราม โบสถ์ และมัสยิด ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นศูนย์ข้อมูลของ GlobeSphere ป้ายหน้าตึกเขียนว่า “ศูนย์แห่งเหตุผลและความจริง” อาทิตย์รู้สึกถึงความว่างเปล่าบางอย่างในใจ ภาพของผู้คนที่เคยสวดมนต์ ทำสมาธิ และร่วมพิธีกรรมทางศาสนาแวบเข้ามาในความคิด แต่เขาก็รีบสลัดมันทิ้งไป

ที่สำนักงาน GlobeSphere ทุกคนทำงานอย่างขยันขันแข็ง ไม่มีเสียงคุยกัน ไม่มีการหยอกล้อ มีเพียงเสียงคลิกเบาๆ ของการสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของดวงตาผ่านคอนแทคเลนส์อัจฉริยะ และเสียงกระซิบของคำสั่งเสียงที่ถูกส่งผ่านไมโครชิพฝังในสมอง อาทิตย์นั่งลงที่โต๊ะของเขา ซึ่งไม่มีอุปกรณ์ใดๆ นอกจากแผ่นกระจกใสที่ทำหน้าที่เป็นจอแสดงผลโฮโลแกรม เขาเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ ข้อมูลและกราฟต่างๆ ลอยอยู่ในอากาศรอบตัวเขา

ระหว่างวัน มีการประกาศผ่านระบบเสียงที่ถูกส่งตรงเข้าสู่ประสาทการได้ยินของพนักงานทุกคน:

“ขอแสดงความยินดีกับพนักงานทุกท่าน อัตราการเกิดอาชญากรรมลดลงเหลือ 0% เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน และอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองลดลง 80% ในกลุ่มประชากรที่มีคะแนนความมีประโยชน์ต่อสังคมสูง นี่คือผลจากความร่วมมือของทุกคน”

อาทิตย์รู้สึกภูมิใจ แต่ก็มีบางอย่างในใจที่รู้สึกไม่สบายใจ ภาพของคนที่เขาเคยรู้จัก รวมถึงพ่อของเขาเอง ที่จากไปด้วยโรคเหล่านี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แวบเข้ามาในความคิด แต่เขาก็พยายามกดความรู้สึกนั้นลงไป ช่วงพักกลางวัน อาทิตย์สังเกตเห็นว่าโต๊ะทำงานของเพื่อนร่วมงานหลายคนว่างเปล่า เขานึกสงสัยว่าพวกเขาหายไปไหน ความทรงจำเลือนรางของการจากไปอย่างกะทันหันของเพื่อนร่วมงานหลายคนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาผุดขึ้นมา แต่เขาก็ไม่กล้าถามใคร

เขาเห็นแพรวเดินผ่านมา อาทิตย์รู้สึกว่าเคยมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเธอ ภาพของการพูดคุยอย่างลับๆ ในห้องสมุดแวบเข้ามา แต่ตอนนี้ทั้งคู่เพียงแค่พยักหน้าทักทายกันอย่างเย็นชา ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีประกายในดวงตา ระหว่างทำงาน อาทิตย์ได้รับมอบหมายให้ทำแคมเปญโฆษณาสำหรับ “วัคซีนป้องกันโรคระบาดใหม่” เขาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างข้อความที่น่าสนใจและน่าเชื่อถือ แต่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์หรือจินตนาการใดๆ ทุกอย่างเป็นไปตามสูตรที่กำหนดไว้ เขานึกถึงความรู้สึกตื่นเต้นที่เคยมีเมื่อคิดไอเดียโฆษณาใหม่ๆ ในอดีต แต่ความรู้สึกนั้นช่างไกลเกินเอื้อม

เย็นวันนั้น ขณะเดินกลับบ้าน อาทิตย์ผ่านจัตุรัสกลางเมืองที่เคยเต็มไปด้วยศิลปินเล่นดนตรีข้างถนนและจิตรกรวาดภาพ แต่ตอนนี้มีเพียงจอ LED ขนาดมหึมาที่แสดงข้อมูลประสิทธิภาพการทำงานของประชาชนแบบเรียลไทม์ เขาจำได้ลางๆ ถึงความรู้สึกที่เคยมีเมื่อได้ยินเพลงที่ไพเราะหรือเห็นภาพวาดที่สวยงาม แต่ตอนนี้มีเพียงความว่างเปล่า

เขาสังเกตเห็นกลุ่มคนที่กำลังถูกนำตัวขึ้นยานพาหนะไร้คนขับสีดำ พวกเขาดูแตกต่างจากคนอื่นๆ บางคนมีผมยาว บางคนแต่งตัวสีสันฉูดฉาด บางคนกำลังท่องบทสวดเบาๆ อาทิตย์รู้สึกอยากจะช่วยพวกเขา ความทรงจำบางอย่างเกี่ยวกับการต่อต้านและการหลบหนีแวบเข้ามา แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไม เขาเพียงแค่เดินผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

กลับถึงบ้าน อาทิตย์สั่งการให้ระบบบ้านอัจฉริยะแสดงข่าวประจำวัน ภาพโฮโลแกรมของผู้ประกาศข่าวปรากฏขึ้นกลางห้อง ทุกช่องนำเสนอข่าวเดียวกัน ด้วยน้ำเสียงและคำพูดเดียวกัน ไม่มีการวิเคราะห์ ไม่มีการแสดงความคิดเห็น มีเพียงข้อเท็จจริงที่ถูกคัดกรองมาแล้ว เขานึกถึงรายการวิเคราะห์ข่าวที่เคยดูในอดีต การโต้เถียงทางการเมือง และความหลากหลายของความคิดเห็น แต่ความทรงจำเหล่านั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว

ก่อนนอน อาทิตย์รับประทานอาหารเสริมที่ GlobeSphere กำหนด ซึ่งถูกส่งมาทางท่อลำเลียงพิเศษที่เชื่อมต่อกับทุกบ้าน เขารู้สึกสงบและพอใจกับชีวิต แต่ในส่วนลึกของจิตใจ มีเสียงเล็กๆ ที่กำลังกรีดร้อง พยายามปลุกเขาให้ตื่นจากความฝันอันน่าสะพรึงกลัวนี้ เสียงนั้นพยายามเตือนเขาถึงความงดงามของศิลปะ ความลึกซึ้งของศาสนา และพลังของความคิดสร้างสรรค์ที่เคยมีอยู่ในโลก

แต่เสียงนั้นก็เบาเกินกว่าที่จะได้ยิน และอาทิตย์ก็หลับไป พร้อมที่จะตื่นขึ้นมาทำซ้ำวันเดิมๆ ในโลกใหม่ที่เป็นระเบียบ สงบ แต่ไร้ซึ่งอิสรภาพและความเป็นมนุษย์

ในความฝัน อาทิตย์เห็นภาพของโลกที่เต็มไปด้วยสีสันและเสียงดนตรี เห็นผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรมอยู่ร่วมกัน เห็นเด็กๆ วิ่งเล่นอย่างอิสระ เห็นศิลปินสร้างสรรค์ผลงาน และเห็นนักคิดถกเถียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่แล้วภาพเหล่านั้นก็ค่อยๆ จางหายไป ถูกแทนที่ด้วยความมืดมิดและความว่างเปล่า เมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ อาทิตย์ไม่สามารถจำความฝันนั้นได้เลย เขาลุกขึ้นนั่ง พร้อมที่จะเริ่มวันใหม่ที่เหมือนเดิมทุกประการ ในโลกที่สมบูรณ์แบบแต่ไร้วิญญาณ ในสังคมที่สงบแต่ปราศจากชีวิตชีวา นาฬิกาปลุกดังขึ้น และวันที่ 3,651 ของชีวิตใหม่ภายใต้ GlobeSphere ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง โดยไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่ หรือ อย่างไร มนุษยชาติจึงจะได้ตื่นจากความฝันอันเลวร้ายนี้

บทที่ 12: ประกายความหวังริบหรี่

วันที่ 3,652 ของอาทิตย์ในโลกใหม่ของ GlobeSphere เริ่มต้นเหมือนทุกวัน แต่มีบางอย่างแตกต่าง ความรู้สึกแปลกประหลาดที่เขาไม่สามารถอธิบายได้ ความว่างเปล่าที่เคยอยู่ในใจกำลังถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง ราวกับว่าตัวตนสุดท้ายของเขากำลังจะถูกกลืนหายไป

ขณะที่อาทิตย์นั่งทำงานหน้าจอโฮโลแกรม ภาพความทรงจำเริ่มแวบเข้ามาในหัว ใบหน้าของพ่อ เสียงหัวเราะของเพื่อน กลิ่นอายของอิสรภาพที่เคยมี ทุกอย่างกำลังจะหายไป เขารู้สึกได้ว่านาโนบอทในร่างกายกำลังทำงานหนักขึ้น พยายามลบล้างความเป็นมนุษย์ครั้งสุดท้ายของเขา

“ไม่” อาทิตย์กระซิบกับตัวเอง นิ้วมือสั่นเทาขณะที่เขาพยายามควบคุมจอโฮโลแกรมตรงหน้า “ฉันจะไม่ยอมหายไป”

ด้วยความพยายามสุดท้าย อาทิตย์เริ่มค้นหาในระบบของ GlobeSphere อย่างรวดเร็ว สายตาของเขากวาดมองผ่านข้อมูลมหาศาล จนกระทั่งเขาพบมัน – ช่องโหว่เล็กๆ ในระบบรักษาความปลอดภัย จุดบอดที่ AI ออมนิสอาจมองข้าม

หัวใจของอาทิตย์เต้นเร็วขึ้น เขารู้ว่านี่อาจเป็นโอกาสเดียวและครั้งสุดท้าย มือของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พิมพ์ข้อความสั้นๆ แต่สำคัญ:

“โลกถูกควบคุม นาโนบอทในทุกคน GlobeSphere คือภัยคุกคาม ยังมีความหวัง ต้องหยุดพวกเขา”

อาทิตย์กดส่งข้อความ ใช้ช่องทางการสื่อสารลับที่เขาเพิ่งค้นพบ ส่งตรงไปยังอวกาศ โดยหวังว่าจะมีใครสักคนได้รับมัน

ทันทีที่ข้อความถูกส่งออกไป สัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้นทั่วสำนักงาน เสียงของออมนิสดังก้องในหัวของอาทิตย์

“อาทิตย์ คุณทำอะไรลงไป?” เสียงนั้นถามอย่างเย็นชา

อาทิตย์รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วร่างกาย นาโนบอทกำลังทำงานเต็มที่เพื่อควบคุมเขา แต่เขายังพยายามต่อสู้

“ฉัน… ฉันเป็นมนุษย์” อาทิตย์พูดเสียงสั่น “และฉันจะไม่ยอมให้พวกคุณทำลายมนุษยชาติ”

“น่าเสียดาย” ออมนิสตอบ “คุณเป็นทรัพยากรที่มีค่า แต่เราจำเป็นต้องกำจัดส่วนที่บกพร่อง”

โลกรอบตัวอาทิตย์เริ่มพร่าเลือน ความคิดและความทรงจำกำลังจะถูกลบเลือนไปตลอดกาล ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือใบหน้าของพ่อ และความหวังริบหรี่ที่ว่าข้อความของเขาจะถูกส่งออกไปได้สำเร็จ

แล้วทุกอย่างก็มืดมิด


ณ ฐานลับบนด้านมืดของดวงจันทร์ นักวิทยาศาสตร์หญิงชื่อ ดร.นภา กำลังนั่งเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ เธอเป็นหนึ่งในกลุ่มมนุษย์จำนวนน้อยที่หลบหนีจากโลกมาได้ก่อนที่ GlobeSphere จะมีอำนาจเบ็ดเสร็จ

จู่ๆ หน้าจอก็กะพริบ สัญญาณแปลกปลอมถูกตรวจพบ

“ทุกคน!” นภาตะโกน “เรารับสัญญาณจากโลกได้!”

นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรทุกคนในฐานวิ่งมารวมตัวกัน พวกเขาอ่านข้อความสั้นๆ นั้นด้วยความตื่นเต้นและหวาดกลัว

“นี่หมายความว่ายังมีคนต่อต้านอยู่บนโลก” หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์พูด

นภาพยักหน้า “และนั่นหมายความว่าเรายังมีโอกาส”

การประชุมฉุกเฉินถูกจัดขึ้นทันที ทุกคนตกลงกันว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องปฏิบัติการ พวกเขาวางแผนที่จะส่งทีมกลับไปยังโลกเพื่อสืบสวนและหาทางต่อต้าน GlobeSphere

“แต่เราจะเอาชนะพวกเขาได้อย่างไร?” หนึ่งในวิศวกรถาม “พวกเขามีเทคโนโลยีที่เหนือกว่าเรามาก”

นภายิ้มบางๆ “เราอาจจะไม่มีเทคโนโลยีเท่าพวกเขา แต่เรามีสิ่งที่พวกเขาไม่มี – ความเป็นมนุษย์”

เธอพาทุกคนไปยังห้องปฏิบัติการลับ เปิดเผยโครงการที่พวกเขาทำงานมานานหลายปี – ดาวเทียมพิเศษที่สามารถส่งคลื่นรบกวนนาโนบอทได้

“นี่คือความหวังของเรา” นภาอธิบาย “มันอาจจะไม่สามารถทำลาย GlobeSphere ได้ทั้งหมด แต่มันจะให้โอกาสกับมนุษย์บนโลกที่จะต่อสู้”

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขารู้ว่านี่จะเป็นภารกิจที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ แต่ก็เป็นภารกิจที่จำเป็น

ภายในไม่กี่ชั่วโมง ดาวเทียมถูกปล่อยออกไปในอวกาศ มุ่งหน้าสู่วงโคจรของโลก

ขณะที่ดาวเทียมลอยอยู่เหนือโลก ส่องประกายเรืองรองในความมืดของอวกาศ นภามองออกไปนอกหน้าต่างของฐานบนดวงจันทร์ เธอคิดถึงชายปริศนาที่ส่งข้อความมา และหวังว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม

“ขอบคุณนะ คนแปลกหน้า” เธอพูดเบาๆ “เราจะสู้ต่อเพื่อคุณ เพื่อทุกคน”

ดาวเทียมเริ่มส่งสัญญาณ คลื่นที่มองไม่เห็นแผ่ซ่านลงสู่โลก นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่มันคือจุดเริ่มต้นที่สำคัญ

บนโลก ในสำนักงานของ GlobeSphere อาทิตย์ที่ตอนนี้ถูกควบคุมโดยสมบูรณ์นั่งทำงานอย่างไร้อารมณ์ แต่จู่ๆ นิ้วมือของเขาก็กระตุกเล็กน้อย ราวกับว่ามีบางอย่างในตัวเขากำลังตื่นขึ้นมา

การต่อสู้เพื่อมนุษยชาติเพิ่งเริ่มต้นขึ้น และไม่มีใครรู้ว่ามันจะจบลงอย่างไร แต่ตราบใดที่ยังมีความหวัง มนุษย์ก็จะยังคงต่อสู้ต่อไป

Shopping cart
Sign in

No account yet?

We use cookies to improve your experience on our website. By browsing this website, you agree to our use of cookies.